วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

โรคมะเร็ง

คำถาม
อยากให้คุณหมอช่วยให้ความกระจ่างแสดงความคิดเห็น วิเคราะห์โรคมะเร็งให้ดิฉันเข้าใจหน่อยได้ไหมคะ ดิฉันเป็นโรคมะเร็ง แต่ญาติดิฉันอยากให้ไปคีโม ดิฉันรู้ว่ามันทรมานมาก อย่างน้อยตอนนี้ดิฉันดูแลด้วยยา ๙ เม็ดของคุณหมออยู่ แม้จะทำได้ไม่ครบ แต่ดิฉันก็มีความสุขสบายใจดี มีกำลังมากขึ้น อย่างน้อยหากมันไม่หายดิฉันก็ขอตายเย็นแบบไม่ต้องทรมานก่อนตาย ไม่ขอไปตายร้อนใส่สายระโยงระยาง ขอความกรุณาคุณหมอด้วยนะคะ ดิฉันจะเอาไปให้ญาติอ่านทำความเข้าใจค่ะ

คุณหมอเขียวตอบ
คนตายด้วยโรคมะเร็งเป็นอันดับ ๑ ของโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย แม้กระทั่งแพทย์เองหากเป็นโรคมะเร็งส่วนใหญ่ก็ตายเหมือนกัน แต่ก็เป็นที่น่าประหลาดใจว่า ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่ทั่วไป ไม่ได้ฉุกคิดว่า แพทย์เองนั้นเมื่อเป็นมะเร็ง ส่วนใหญ่ก็ยังเอาตัวเองไม่รอด แก้ปัญหาตัวเองยังไม่ได้ ตายด้วยมะเร็งเช่นเดียวกับประชาชน แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไปรักษากับคนที่เมื่อเขาเป็นมะเร็งแล้ว เขาก็ยังรักษาตัวเองไม่หาย สาเหตุที่แพทย์แผนปัจจุบันหรือผู้ป่วยมะเร็งไม่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายได้ เพราะว่ายังไม่รู้จักโรคนี้อย่างถ่องแท้ จึงทำให้ไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากมีความใจกว้างที่จะศึกษาเรียนรู้ข้อมูลข้อคิดเห็นจากศาสตร์อื่น เพิ่มเติมก็จะเข้าใจมะเร็งได้ชัดขึ้น
มะเร็งเกิดได้อย่างไร ตามหลักการแพทย์ทางเลือกวิถีพุทธ(บุญนิยม) หรือแพทย์วิถีธรรม เชื่อว่า มะเร็งเกิดจากความไม่สมดุล และยุคนี้ส่วนใหญ่ เป็นความไม่สมดุลแบบร้อนเกินด้วย ต้นเหตุ ๙ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดทุกโรค รวมถึงมะเร็งด้วย ได้แก่
๑. มีความเครียด
๒.กินอาหารไม่ถูกหลัก
๓.กายบริหารไม่ถูกต้อง
๔.รับแต่มลพิษ
๕.แก้พิษไม่เป็น สัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอิเลคทรอนิคส์ เกินความสมดุล
สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดสาภาวะร้อนเกินในร่างกายเมื่อมีความร้อนเกิดขึ้น ก็มีกลไกลอยู่ตัวหนึ่ง คือเมื่อมีความร้อนอยู่มาก ๆ ก็จะมีการเผาเนื้อเยื้อให้แข็ง แข็งคล้าย ๆ กับเนื้อที่เราเอาไปต้ม หรือเอาไปย่าง เนื้อต่าง ๆ เมื่อโดยความร้อนจะมีความแข็งขึ้น จากเนื้อนิ่ม ๆ เมื่อโดนความร้อนก็จะแข็งขึ้น โดยสัจจะเมื่อมันแข็งขึ้น เมื่อมันเผาถึงรอบหนึ่งเลือดลมก็จะไม่สามารถเข้าไปเลี้ยงเซลล์ไม่ได้ อาหารเข้าไม่ได้ ของเสียออกไม่ได้เซลล์ตัวนั้นก็จะแข็งแล้วก็ตาย
พอเซลล์จะเริ่มเสื่อมแล้วก็ตายก็จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ เพราะเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ เมื่อไหลเวียนไม่ได้ร่างกายก็จะมีกลไกผลิตเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทนพอผลิต เซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ แต่ความร้อนก็ยังอยู่เหมือนเก่า ในเมื่อความร้อนยังอยู่เหมือนเดิมเซลล์ที่ผลิตขึ้นมาใหม่ๆ ยังไม่ทันแข็งแรงดีก็จะถูกเผาให้แข็งอีก และถูกแปะไว้อีก ด้วยความร้อนที่มีอยู่พอถูกเผาก็แข็งแปะไว้อีกร่างกายก็จะผลิตเนื้อเยื้อ ใหม่ขึ้นมาแทนอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก อยู่อย่างนี้ก็ทำให้เนื้อเยื้อตรงจุดเดิมมีการงอกออกมาเรื่อย ๆ โตขึ้น ๆ จึงกลายเป็นเนื้องอก
แต่ถ้ามันงอกไม่หยุดงอกอยู่ตลอดเวลาจนกลายเป็นมะเร็ง หรือใครที่กินอาหารร้อน ๆ แต่ร่างกายทำการขับความร้อนออกไปไม่หมดความร้อนนั้นก็จะไปกองกันนานเข้า ๆ ก็จะกลายเป็นมะเร็ง ของผัดของทอดจะเป็นอาหารที่ทำให้เกิดมะเร็งได้ดีมากทีเดียว คนที่ไม่มีความสมดุลในร่างกายมีแต่การซับพิษเข้าร่างกายตลอดเวลาก็จะทำให้มี ก้อนตามที่ต่าง ๆ ตามร่างกาย แต่ถ้าเราไม่เครียดไม่แร่งผลมากจนเกินไปและแร่งภาคเพียรปฏิบัติ การหายก็จะเร็วขึ้น ก้อนต่าง ๆ เกิดขึ้นมาจากเหตุปัจจัย ๒ ปัจจัย คือ
๑. ธาตุอาหารที่ร่างกายไม่รับแล้วร่างกายก็จะทำการขับสิ่งเหล่านี้ไปกองไว้ที่ใดที่หนึ่งทำให้เกิดการเผาให้แข็ง
๒. เนื้อเยื่อที่มันแข็งตาย การที่มีไขมันเกินในร่างกายมากจนร่างกายขับไขมันเหล่านั้นไปกองอยู่ในร่าง กายที่ใดที่หนึ่งก็จะกลายเป็นก้อนมะเร็งได้
พ่อท่านเล่าให้ฟังว่าจริงแล้ว ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วย อุตุ พีชะ จิตตะ กรรมมะ ชีวิตมนุษย์นี้ประกอบด้วย 5 ส่วน แต่ส่วนที่เป็นร่างกายนี้มันคือพีชะ โดยธรรมชาติของพืชก็จะรับเอาสารที่มันต้องการเท่านั้นส่วนสารที่มันไม่ต้อง การก็จะไม่เอา หากเราใส่สิ่งที่มันต้องการเข้าไปมันก็จะรับแล้วดูดเข้าไป แต่สารบางอย่างที่ มันไม่ต้องการก็จะไม่ดูดไม่รับเข้าไป ซึ่งสิ่งที่มันไม่ต้องการก็จะค้างเอาไว้และขับออก ๆ ไปกองเอาไว้ที่ใดที่หนึ่ง เมื่อมีมากขึ้นก็ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวกและไปเบียดเนื้อเยื่อ ก็เลยทำให้เนื้อเยื้อนั้นตาย ทำให้ร่างกายผลิตเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทน
เซลล์มะเร็งเกินขึ้นจาก ๒ สาเหตุหลัก ๆ คือ
๑.การที่เรามีธาตุอาหารที่ร่างกายไม่รับมีมากจนเกินไปแล้วกองรวมกันไม่สามารถถ่ายเทออกได้
๒.และ เนื้อเยื้อที่มันแข็งตาย ที่ถูกเผาตายอยู่เรื่อย ๆ กองรวมกัน นาน ๆ เข้าก็จะทำให้กลายเป็นมะเร็ง
ส่วนมะเร็งอีกแบบหนึ่งคือร่างกายร้อนมากแล้วต่างกายไม่สามารถผลิตเนื้อเยื้อ ขึ้นมาแทนได้ความร้อนนั้นได้เผาเนื้อเยื้อนั้นให้เปื่อยจนเน่าไปเรื่อย ๆ จนเหม็น
มะเร็งอีกแบบหนึ่งคือ ความร้อนได้เผาเนื้อเยื่อนั้นให้ผิดรูปไปก็จะเป็นมะเร็งอีกแบบหนึ่ง
แต่การแก้ก็เหมือนกันทั้งสิ้นนั้นก็คือการที่ต้องถอนพิษร้อนนั้นออก ด้วยยา ๙ เม็ดตามแบบแพทย์วิถีพุทธ หากเราถอนพิษร้อนด้วยยา ๙ เม็ด อะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือว่าเช่นเรากินน้ำคลอโรฟิลด์ หรือการกินอาหารที่มีฤทธิ์เย็น อะไรต่าง ๆ แต่หลักการใหญ่ที่เรารู้ก็คือร่างกายมีความร้อนมากเกินไป เราก็ใส่ความเย็นเข้าไปเพื่อที่จะไปลดความร้อนลงสิ่งที่จะเกิดขึ้น คือร่างกายเย็นลง เช่น หากเรากินน้ำคลอโรฟิลด์เข้าไปความเย็นก็จะเคลื่อนเข้าไปที่เซลล์ความร้อนก็ จะเคลื่อนออกมาตามหลักการเคลื่อนของพลังงาน
ทำให้เซลล์เย็นลงมันจะเกิดผลอยู่ ๓ เรื่อง คือ
๑. เซลล์เย็นลง
๒ .เซลล์จะอ่อนตัวจากเซลล์ที่แข็งมันจะอ่อนตัวลงเป็นไปตามสัจจะของมัน เช่นหากเราทำงานมาก ๆ กล้ามเนื้อก็จะร้อนแข็งแกร่งค้างร้อน หรือหากเรามีความเครียดมาก ๆ จะเห็นได้ว่าบริเวณบ่า และคอ มีความแข็งก็เพราะความร้อนเผานั้นเอง แต่พอเราผ่อนคลายไม่เครียดความตึงแข็งต่าง ๆ ก็จะลดลง คลายตัวลง
๓. เม็ดเลือดขาวจะแข็งแรงขี้นเพราะว่าเม็ดเลือดขาวนั้นไม่ถูกความร้อนเผาก็จะ แข็งแรงขึ้น เมือใดที่เม็ดเลือดขาวแข็งแรงมันก็จะไปโอบสลายเซลล์มะเร็งซึ่งเป็นหน้าที่ หลักของเม็ดเลือกขาวในการสลายเชื้อโรค สลายเซลล์มะเร็ง อยู่แล้วที่จะทำลายสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย โดยขบวนการฟาโกไซโทซีส เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่าแมคโครฟาด
โดยการเข้าไปโอบเซลล์มะเร็งแล้วหลั่งสารทำลายเซลล์มะเร็งออกมาแล้วส่งเซลล์ เหล่านั้นโดยแปรสภาพเป็น ขอเสียต่าง ๆ เช่นเป็นน้ำเมือก เป็นน้ำเหลือง เป็นขี้ไคล เป็นอุจจาระ เป็นปัสสาวะ ขี้หู ขี้ตา ขี้จมูก ขี้ปาก ทุก ๆ อย่าง ในร่างกาย ทางระบายพิษปกติของร่างกาย จะระบายสารพัดทิศทางที่สามารถระบายได้ พอพิษสามารถระบายออกได้เซลล์มะเร็งก็จะเล็กลง ๆ สุดทายมะเร็งก็หายไปในที่สุด
เราจึงพบคนไข้มากมายที่มารักษาในแบบนี้พบว่าเนื้อที่เป็นก้อนแข็ง ๆ จะอ่อนตัวลง ยุบตัวลงเล็กลงจากก้อนแข็ง ๆ มันอ่อนตัวลง มันยุบลงเราเจอคนไข้จำนวนมากที่ปฏิบัติตัวแล้วเกิดผลทีดีขึ้น ภายในระยะเวลา 5 วันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงให้เห็นได้จึงทำให้เราพบว่ามะเร็งสามารถทำให้หายได้ หากคุณทำได้ถูกต้อง บางท่านอาจสงสัยว่าก่อนที่จะมารักษาเหตุใดเม็ดเลือดขาวถึงไม่ไปกินเซลล์ มะเร็ง
ก็จะมีเหตุผลอยู่ ๓ เรื่อง
๑ ร่างกายร้อน
๒ เนื้อเยื้อมีความแข็งมากเกินไป
๓ ตัวเม็ดเลือดขาวเองก็ไม่แข็งแรงพอที่จะทำการโอบสลายเซลล์มะเร็งเพราะโดนความ ร้อนเผาอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ไม่มีกำลังพอที่สลายอะไรได้ ส่วนจะเร็วจะช้าก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้น ๆ หากปฏิบัติได้ดีมากก็จะหายเร็วมาก มากปฏิบัติได้เท่าไหร่ก็จะหายเร็วเท่านั้น โดยปกติหมอแผนปัจจุบันไม่รู้วิธีที่จะทำให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง โดยที่หมอแผนปัจจุบันก็ทราบว่าเม็ดเลือดขาวเป็นตัวกินเซลล์มะเร็ง แต่แพทย์แผนพุทธรู้วิธีนี้ จึงทำให้สามารถรักษาโรคมะเร็งได้
การแก้ไขโรคมะเร็งตามแนวทางของแพทย์แผนปัจจุบันคือการผ่าตัด การทำเคมีบำบัด
- การผ่าตัดคือการผ่าตัดเอาเนื้อส่วนที่เป็นมะเร็งออกไป แต่ก้อนมะเร็งไม่ได้เป็นตนเหตุของมะเร็ง แต่ต้นเหตุของมะเร็งนั้นคือพฤติกรรมการก่อมะเร็ง เพราะฉะนั้นหากมีการตัดเนื้อส่วนที่เป็นมะเร็งออกมะเร็งก็จะกลับมาโดยค่า เฉลี่ยภายในระยะเวลา 5 ปี หลังจากที่คุณตัดเนื้อส่วนนั้นไป นี้คือค่าเฉลี่ยนของหมอแผนปัจจุบันที่มีการเก็บข้อมูลกันมา แต่ปัจจุบันนี้มะเร็งจะกลับมาเร็วกว่า ๕ ปี ด้วยซ้ำไป เมื่อตัดออกไปแล้วหมอมักจะให้คนไข้กินอาหารบำรุงร่างกายมาก ๆ ซึ่งนี้ก็ยิ่งทำให้มะเร็งกลับมาเร็วขึ้นไปอีก
- การฉายแสง เขาจะตีกรอบและฉายแสงลงไป โดยใช้แสงกัมมันตภาพรังสี กัมมันตภาพรังสีส่วยใหญ่จะใช้ในการทำระเบิดประรำมะณู แต่มีการนำแสงชนิดนี้มาฆ่าเซลล์มะเร็งเมื่อมีการฉายแสงลงไปเซลล์มะเร็วก็จะ ตายอย่างแน่นอนแต่พลังงานความร้อนมันไม่ได้อยู่กับที่โดยหลักปฏิบัติพลังงาน ความร้อนจะกระจายไปทั่วโดยคนไข้จะมีอาการออกร้อนไปทั้งตัว ปากเปื่อย ปากพอง ปวดท้องคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ผมร่วง ดำไปทั้งตัว ไหม้ไปทั้งตัว นั้นแปลว่าความร้อนได้ขยายไปทั่งทั้งร่ายกาย แต่แพทย์พยามบอกกับคนไข้ความมีการตีกรอบในการฉายแสงเอาไว้แล้ว
ซึ่งนั้นไม่เป็นความจริงเลยโดยแพทย์และพยาบาลเองเมื่อเตรียมตัวจะฉายแสงก็จะ หาที่หลบเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนแสงนั้น ๆ หากแสงนั้นไม่กระจายจริงอย่างที่แพทย์บอกทำไมทั้งแพทย์และพยาบาลไม่ยืนอยู่ เป็นเพื่อนคนไข้ด้วยกัน เพราะแพทย์เองก็ทราบว่าแสงนั้นไม่อยู่กับที่มันจะกระจายไปทั่วบริเวณ และกระจายไปทั่วตัวคนไข้ด้วยเช่นกัน ในศูนย์มะเร็งจะเต็มไปด้วยแสงที่เป็นอันตราย แม้กระทั้งเจ้าหน้าที่ศูนย์มะเร็งเองก็ป่วยเยอะมากป่วยด้วยโรคที่มีมีสภาวะ ร้อนเกินเช่น ป่วยเป็นโรคบัวหวาน ความดัน มะเร็ง หรือไทรอยเป็นพิษ เป็นต้น
- การทำเคมีบำบัด คือการฉีดสารพิษเข้าไป ซึ่งสารพิษนั้นมีฤทธิ์ร้อน ซึ่งมีฤทธิ์ร้อนมากขนาดทำให้เส้นเลือดไหม้จนดำ ออกร้อนตามเนื้อตัว บางคนออกอาการปากเปื่อย ปากผอม ผมร่วง คลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว ดำไหม้ไปทั้งตัว สารพัดที่จะทรมาน ทุรนทุราย เกือบ ๑00 เปอร์เซ็นต์ เป็นเช่นนั้น มันร้อนมากเพราะเขาหมายต้องการฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตาย ใช้ความร้อนมากขนาดนี้ โดยมีการออกกฎ ระเบียบมาว่า ห้ามให้คนผสมยานั้น เป็นผู้ฉีดยา ต้องแบ่งกันทำงาน โดยมีคนหนึ่งผสมยา และมีอีกคนหนึ่งเป็นผู้ฉีดยา เพื่อว่าจะได้มีการกระจายพิษกันออกไป คนละเล็กคนละน้อย แต่คนที่ได้รับพิษมากที่สุดก็คือคนที่โดนฉีดยา
โดยแพทย์หมายที่จะนำความร้อนนั้นไปฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตาย แต่คุณคิดหรือไม่ว่า พลังงานหรือยาที่เข้าไปจะเข้าไปฆ่าแต่เฉพาะเซลล์มะเร็งอย่างเดียว ความจริงก็คือ มันเข้าไปทำลายทุกเซลล์ด้วย โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาว เซลล์เม็ดเลือกขาวจะลดลงมากมาย ตายเกือบหมด และจะเกิดอะไรขึ้นสำหรับคนที่ฉายแสงและทำเคมีบำบัด แสงและเคมีบำบัดมันร้อนมากร้อนขนาดอย่างที่ว่าสามารถทำให้คนตายได้
บางครั้งการฉีดยาครั้งเดียวก็สามารถทำให้คนตายได้ในบางคน หรือร้อนขนาดที่นำมาทำระเบิดฆ่าคนให้ตายได้หลายล้านคนในเวลาเดียวแต่สิ่งที่ จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ จะเกิดมะเร็งใหม่ที่ร้ายกว่าเกิดในอีกไม่นาน หลังจากที่คุณฉายแสงและเคมีบำบัดเพราะว่าพิษร้อนที่ใส่เข้าไปใหม่นั้น ที่หมายจะฆ่าเซลล์มะเร็งนั้นให้ตายเป็นพิษร้อนที่ดุร้ายยิ่งกว่าพิษที่ก่อ ให้เกิดมะเร็งเสียอีก ร้ายกว่าเดิมหลายหมื่นเท่าก็ว่าได้
เพราะว่าการกินอาหารเป็นพิษนั้นไม่ได้ทำให้ตายในทันที แต่การโดยเคมีนั้นสามารถทำให้ตายได้ในทันที เพราะฉะนั้นมะเร็งที่จะเกิดขึ้นใหม่ก็จะร้ายกว่าเกิดเพราะพิษที่ใส่เข้าไป นั้นร้ายกว่าเกิดหลายเท่าตัว และอีกอย่างหนึ่งพิษเก่าที่มีอยู่ก็ไม่ได้มีการแก้ไข หนำซ้ำยังมีการเพิ่มพิษใหม่เข้าไปอีก และพฤติกรรมก็มีการทำอยู่เหมือนเก่า ทำให้มีการเกิดพิษขึ้นเป็น ๒เท่า
ถามว่าทำไมถึงเกิดมะเร็งใหม่ ก็เพราะว่า
๑ ต้นเหตุที่ทำให้เกิดมันร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม
๒ เม็ดเลือดขาวมันถูกฆ่าจากการทำเคมีบำบัดและฉายแสง ซึ่งเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่กินชื้อโรคในร่างกาย กินเซลล์มะเร็ง คุณต้องการรักษามะเร็งแต่ตัวคุณกลับไม่ฆ่าสิ่งที่รักษาตัวที่สามารถฆ่าเซลล์ มะเร็ง แล้ว จะถือเป็นการรักษาได้อย่างไร แม้กระทั่งตามหลักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถอธิบายได้การผ่าตัดยังพอรับได้ เพราะไม่มีการใส่พิษเพิ่มเข้าไปในร่างกาย
๓ ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในต่างกายตายไปด้วย เพราะการฉีดยาเข้าไปได้มีการทำลายเซลล์ในร่างการเพิ่มขึ้นเมื่อเซลล์หลาย ส่วนในร่างกายตายลงไป ธรรมชาติของเซลล์ร่างกายมนุษย์เวลามันตายไปก็จะมีเม็ดเลือดขาวคอยทำลายเซลล์ ที่ตาย
เพราะฉะนั้นร่างกายมนุษย์ทุกคนนั้นมีเซลล์มะเร็งอยู่แล้ว เซลล์ของคนเรานั้นผิดปรกติอยู่ตลอดเวลา หากคนเรามีเม็ดเลือดขาวที่ไม่แข็งแรงแล้วไซ้มะเร็งก็สามารถเกิดขึ้นได้กับ ทุกคน แต่ในกรณีนี้มันต่างกันเพราะเซลล์ได้มีการถูกทำลายโดยเคมี
เมื่อเซลล์หลายส่วนในร่างกายตายลงก็ไม่มีเม็ดเลือดขาวไปกินมะเร็ง มะเร็งใหม่ที่เกิดจากการเผาของเคมีที่ผิดรูปกว่าเดิมเม็ดเลือดขาวก็มีมี ปัญญาไปกินก็เลยทำให้มะเร็งแบบเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้วก็ยังคงอยู่ที่เพิ่ม มะเร็งใหม่ ขึ้นมาอีก ทำให้รักษายากที่สุด หรือไม่สามารถรักษาได้อีกเลย

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

เป็นโรครักษาไม่หายทำอย่างไร

คำถาม
ถ้าหากคุณหมอเขียวป่วยแล้วรักษาไม่หายคุณหมอทำอย่างไร

คำตอบ
" อย่าหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย ใจผมเนี่ยนะต่อให้ผมไม่ได้อะไรดีๆ ในโลกใบนี้นะ แค่ผมไม่ต้องเป็นคนชั่วผมก็ดีใจมากแล้ว แค่นี้ จะไม่ต้องให้ลาภยศสรรเสริญ

แค่ผมไม่ต้องทำบาปอีกต่อไปในชีวิตได้มีโอกาสทำดีพอแล้ว
ผมก็ไม่ต้องทุกข์อะไร ผมก็พอแล้ว ไม่ต้องไปได้อะไรมากหรอก แค่เราเป็นคนหยุดชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใสเราก็สบายใจแล้ว เพราะเรากำหนดตัวเราได้ แต่การจะได้อะไรๆ มา เรากำหนดไม่ได้ เรามีความสุขกับสิ่งที่เรากำหนดได้ดีกว่า แค่นี้ผมก็พอใจแล้วนะที่ได้บำเพ็ญไป

ถ้าผมต้องเจ็บต้องป่วยนะ ในใจส่วนตัวผมแล้วมันไม่หายสมมุติ
ผมว่า แค่ผมไม่ต้องเบียดเบียนชีวิตใดๆ ก่อนตายผมก็พอใจแล้ว
ไม่ต้องกินเนื้อสัตว์ก่อนตายก็พอใจแล้ว แม้มันจะต้องตายเพราะชีวิตไม่ต้องเบียดเบียน ทำบาปเพิ่มแค่นี้พอใจแล้ว

ถามว่าผมมีความสุขมั๊ย... มีความสุขใช่มั๊ย แค่ผมไม่กินเนื้อสัตว์เนี่ย
ผมก็มีความสุขแล้ว แล้วถามว่าผมกำหนดได้มั๊ย...สิ่งนี้ทำได้มั๊ย...ทำได้
แต่การจะหาย/ไม่หายกำหนดไม่ได้ใช่มั๊ย เราก็เอาที่เราทำได้ซิ สิ่งที่เราเห็นด้วยปัญญาของเรา ถ้าเราได้ทำดีเราก็มีความสุขแล้วชีวิต เราก็ทำดีชั่วไม่ทำทำแต่ดี

แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว เราคิดแค่นี้จิตใจก็ผ่องใสแล้วใช่มั๊ย...แค่นี้ก็ดีมากแล้ว

อิโบล่า

มีเรื่องขอคำปรึกษาโรคร้าย อีโบล่า สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าออกประเทศ
ผ่านสนามบินช่่างจำนวนหลายคน
นอกจากปิดปากปิดจมูกแล้ว
มีวิธีไหนป้องกันสุขภาพได้อีกคะ
รบกวนเผยแพร่เป็นธรรมทานด้วยค่ะ


คำตอบ
ปรับสมดุลร้อนเย็น ด้วยยา ๙ เม็ด ดื่มน้ำปัสสาวะสดและนาโน
จะช่วยอีกแรง ป้องกัน ทำให้หายหรือทุเลาได้

ผมพบว่า น้ำปัสสาวะเป็นยาที่มีคุณสมบัติพิเศษ
สามารถช่วยปรับสมดุลได้ทุกอย่าง น้ำปัสสาวะนั้น นอกจากจะมีสารและพลังงานต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ก็ยังเป็นวัคซีนอย่างดี
ด้วยกลไกการเป็นส่วนเกินที่ร่างกายไม่ต้องการจึงได้ขับออก เมื่อเราเอาน้ำปัสสาวะเข้าไปใหม่หรือสัมผัสกับส่วนต่างๆ ของร่างกาย ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยารับรู้ว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม เป็นส่วนเกินจึงกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวทำงาน
เม็ดเลือดขาวมีหน้าที่ ย่อยสลายกำจัดสิ่งแปลกปลอม เชื้อโรค สารพิษ และเซลล์ที่ผิดปกติอยู่แล้ว

เมื่อเม็ดเลือดขาวตื่นตัวในการทำงาน เนื่องจากการดื่มหรือสัมผัสน้ำปัสสาวะ ก็ทำให้เชื้อโรค สารพิษเซลล์ที่ผิดปกติและสิ่งแปลกปลอมท
ี่ไม่ดีต่าง ๆ ในร่างกายพลอยถูกเม็ดเลือดขาวย่อยสลายกำจัดไปด้วย ร่างกายจึงเกิดภูมิต้านทาน เกิดพลังชีวิต เกิดสุขภาพที่ดี

เป็นหลักการเดียวกันกับที่แพทย์แผนปัจจุบันฉีดวัคซีน คือใส่เชื้อโรคหรือพิษทีมีฤทธิ์อ่อนๆเข้าไปในร่าง
กาย เพื่อให้ร่างกายเกิดภูมิต้านทาน ด้วยการกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาววววตื่นตัวในการ
กำจัดเชื้อโรค จะแตกต่างกันบ้างตรงที่น้ำน้ำปัสสาวะเป็นสิ่งที่ร่างกายคุ้นเคยอยู่แล้ว จึงเกิดปฏิกิริยาปรับสมดุล สร้างภูมิต้านทาน สร้างพลังชีวิตอย่างสุขุมนุ่มนวล ไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้านที่รุนแรงกระโชกโฮกฮาก
เหมือนรับวัคซีนทั่วไป

ข้อมุลเพิ่มเติม :
การรวบรวมองค์ความรู้ เรื่อง ปัสสาวะบำบัด (Urine Therapy)
http://www.thaicam.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=183%3A-urine-therapy&catid=49%3A2009-09-09-09-44-27&Itemid=136

เขียนโดย นางจุฑา ลิ้มสุวัฒน์

เป็นมะเร็งมดลูกระยะ ๑ ทำอย่างไรคะ ถึงจะหายและไม่ตาย

คำถาม
เป็นมะเร็งมดลูกระยะ ๑ ทำอย่างไรคะ ถึงจะหายและไม่ตาย

ตอบคำถาม
โอ๊ย จะไม่ตาย ไม่ได้หรอก คนไม่เป็นมะเร็งก็ยังตายเลย ถามคำถามนี้
ไม่มีวิธีจะไม่ตายนะ ขอยืนยันนะ
เกิดมาทุกคนต้องตายหมด เกิดมาเป็นโรคและไม่เป็นโรคก็ตายหมด ถึงเวลาตาย ตายทุกคน

เพราะงั้นทำยังไงถึงจะไม่ตาย โอ้..มีวิธีอยู่เหมือนกันนะ คือปรินิพพาน ถ้าเราปรินิพพาน เราก็จะไม่เกิดและไม่ตาย
คือ ปฏิบัติตนเองให้เป็นอรหันต์ ลดกิเลสให้หมดเลยนะ เสร็จแล้วปรินิพพาน พอปรินิพพานปุ๊บ ก็จะไม่เกิดและไม่ตาย

มีวิธีเดียว ก็จะไม่ตายคือไม่ต้องเกิด ถ้าจะไม่ตายก็ไม่ต้องเกิด ถ้าเกิดก็ต้องตาย

แต่ทำไมถึงจะหาย ? อันนี้มีโอกาส ทำ 9 ข้อนี้แหละ แล้วก็พอกสมุนไพร กัวซาบริเวณท้องกับตรงข้ามท้อง แล้วก็พอกสมุนไพรไป บางทีอาจสวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำปัสสาวะช่วยอีกแรง ก็ช่วยได้นะ หลายคนเขาก็หายได้

ถ้าจะต้องผ่า ถ้าหมอนัดผ่าก็ดูว่ามันเบียดเบียนมาก ก้อนเบียดจนรู้สึกทุกข์ทรมานมาก แล้วมันก็ไม่ลดความทุกข์ ทรมานลงเลยนะ มันไม่ทุเลา มันทนได้ยากได้ลำบาก จำเป็นต้องผ่าก็ผ่านะ ไม่เป็นไร ถ้าจำเป็นผ่าก็ผ่า

แต่ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องผ่านะ ไม่ได้ทุกข์ทรมานเกินไปนะ ไม่ได้ขยายมากจนเราทรมานมาก เราก็ปฏิบัติไปก่อนก็ได้ หลายท่านก็ยุบหายไป โดยไม่ต้องผ่านะ หรือมันไม่ขยายมากขึ้น ก็ไม่ต้องผ่าก็ได้

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้ามันจำเป็น พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และพึงสละชีวิต เพื่อรักษาธรรม

ถ้ามันนต้องสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตล่ะก็ ถ้าอวัยวะนั่นมันเป็นพิษแล้วมันขยายๆไปเบียดจนทำร้าย เราจนทรมานมาก ก็ผ่าได้ ไม่เป็นไร แต่การฉายแสง และเคมีบำบัด เท่าที่ตรวจสอบตามหลักการของพระพุทธเจ้านี้ ไม่เป็นประโยชน์ เป็นโทษมากกว่าเป็นประโยชน์ เท่าที่ตามหลักการของพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้

คือถ้าเป็นผม ถ้าเป็นก้อนหรือว่าเป็นมะเร็ง ถ้าจำเป็นนะ ไม่จำเป็นก็จะไม่ผ่า ถ้าผ่าก็ผ่าเฉพาะก้อน ผมจะไม่ฉายแสง จะไม่เคมี ถ้าเป็นผม แต่คนอื่นก็แล้วแต่ท่าน เป็นอิสระส่วนบุคคล เป็นความเห็นส่วนบุคคล

ผมเอาหลักพระพุทธเจ้ามามาเช็ค พระพุทธเจ้าตรัสว่า ใครก็ตามที่ทำไปแล้วมันทรมาน มันจะทำให้มีโรคมากและอายุสั้น ฉายแสงและเคมี คนส่วนใหญ่ทำแล้วคนทรมาน ก็จะมีโรคมากและอายุสั้น ก็จะมีคนหายบ้างเป็นบางคน คือถ้าคนหายเป็นบางคนเนี่ยะ ถ้าเขารักษาได้จริง มันก็ต้องหายเพราะฉายแสงหรือเคมี เพราะถ้าหายโดยฉายแสงและเคมี คนก็ต้องหายเป็นส่วนใหญ่ แสดงว่าหายเป็นบางคน มันไม่ได้หายเพราะฉายแสงหรือเคมี เพราะถ้าหายโดยฉายแสงและเคมี ก็ต้องหายเป็นส่วนใหญ่

ที่มันหายเป็นบางคนเนี่ย แสดงว่าไม่ได้เกิดจากกการฉายแสงและเคมี แต่จะเกิดจากเหตุอื่น แม้จะฉายแสงและเคมีก็ตามแต่เหตุอื่น เขาอาจจะปรับอาหาร กินสมุนไพรหรือวิบากกรรม เขาหมดอย่างนี้ เป็นต้นก็หายได้

พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า โรคบางโรครักษาก็หาย ไม่รักษาก็หาย บางทีเขาไม่รักษาเลย เขาอาจจะหายเลยก็ได้ มะเร็ง บางคนนะ เขาไม่ทำอะไรเลยก็หาย ไม่ทำอะไรเลยนะ ในบางคนที่เป็นมะเร็ง แผนปัจจุบันก็ไม่ใช่ แผนทางเลือกก็ไม่ใช่ สมุนไพร อะไรก็ไม่ใช่ ก็หายเฉยเลยก็มี ก็แปลว่าโรคเขาจะหายอยู่แล้ว วิบากกรรมเขาหมดน่ะ มันก็หาย

โรคบางโรครักษาก็หาย ไม่รักษาก็หาย พระพุทธเจ้า ตรัสอย่างนี้
บางโรครักษาจึงหาย ไม่รักษาไม่หาย
แล้วพระพุทธเจ้าก็บอก บางโรครักษาก็ไม่ไม่หาย ไม่รักษาก็ไม่หาย
คือที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะมันเป็นหนัก มันเป็นมาก วิบากกรรมแรง มันเป็นอย่างนั้น

ดังนั้นเราคิดว่า อะไรที่มันทรมาน พระพุทธเจ้าก็บอกไม่ต้องทำ อะไรที่มันทรมาน พระพุทธเจ้าก็บอกไม่ต้องทำ อะไรที่ทรมานก็ไม่ต้องทำ ทำไม่มีประโยชนนะครับ ทำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่โทษ ทำไปก็ทรมานอย่างนั้น ตามทฤษฎีของพระพุทธเจ้านะ ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณาตามสมควร

อย่างที่ว่าน่ะแหละ อะไรที่มันมีผลจริงต่อคน ถ้ามันมีผลจริงต่อคนส่วนใหญ่ คนส่วนใหญ่ต้องดีขึ้น ถ้ามันแค่บางคนที่ดีขึ้น มีแค่บางคนที่ดีขึ้น บางคราว แปลว่ามันไม่ได้เกิดจากสิ่งนั้น หลักสถิติก็บอกอยู่แล้ว ไม่ใช่สิ่งนั้นนะ ที่ถามคนส่วนใหญ่เขาดีขึ้น ดีขึ้นเพราะเหตุนั้นใช่ไหม แล้วถ้ามันมีบางคนที่ดีขึ้น ที่ทำสิ่งนั้น คนส่วนใหญ่แย่ลง แต่ก็มีแค่บางคนดีขึ้น มันก็ไม่ใช่จากเหตุนั้น มันมาจากเหตุอื่น นี่เป็นหลักวิทยาศาสตร์ง่ายๆ หลักสถิติด้วย

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โรคความดัน เบาหวาน ไขมันพอกตับ

แพทย์วิถีธรรม (ยา ๙ เม็ด)
บรรยาย โดย หมอเขียว ใจเพชร กล้าจน
วิเคราะห์โรคความดัน เบาหวาน ไขมันพอกตับ




(ตอนที่ 1 ความดันโลหิตสูง)
               มาดูกลไกทางวิทยาศาสตร์และพุทธศาสตร์ สังเคราะห์รวมกัน เพื่อที่จะเข้าใจความจริงของโรคภัยไข้เจ็บให้ชัดยิ่งขึ้นนะครับ จากนั้นช่วงท้ายไม่แน่ใจว่าจะทันไหม ถ้าทันก็จะวิเคราะห์พฤติกรรมร้อน พฤติกรรมเย็น โดยแยก พฤติกรรมร้อน พฤติกรรมเย็น แล้วก็รวมไปเป็นสูตรสรุปให้ฟังกัน เอาเป็นว่าช่วงนี้เรามาวิเคราะห์เป็นโรคๆ ที่สำคัญ ดังนี้
              ความดันโลหิตสูง เกิดจากมีพิษข้อใดข้อหนึ่งใน ๙ ข้อนั้นเข้าไปในร่างกายของเรา เมื่อเข้าไปในชีวิตของเรา ทำให้จิตวิญญาณสั่งประสาทอัตโนมัติ ไขสันหลังให้เบ่งตัว บีบเอาพิษออก โดยเฉพาะพิษนั้นมันตกค้างอยู่ที่หัวใจและหลอดเลือดมาก จิตวิญญาณเป็นตัวสัญญา สั่งให้หัวใจบีบตัวแรงเพื่อขับพิษออกไป เมื่อหัวใจบีบตัวแรง ความดันโลหิตก็จะขึ้น นี่คือความดันโลหิตสูง เมื่อความดันโลหิตสูงขึ้นมากๆ เส้นเลือดในสมองก็แตกได้ อาจเป็นอันตรายอีกหลายอย่างนะครับ 

              แล้วจะรักษาแบบแพทย์วิถีธรรม ทำอย่างไร พระพุทธเจ้าตรัสว่าดับทุกข์ให้ ดับที่เหตุ ดับเหตุแห่งทุกข์ ทุกข์ดับเกิดสุขขึ้น เพราะฉะนั้น ต้นเหตุคือ มีพิษ เราก็ต้องระบายพิษออกซะ แล้วใส่สิ่งที่สมดุลร้อน เย็นเข้าไป เมื่อเราระบายพิษออกด้วยวิธี ๙ ข้อ ยา ๙ เม็ดครับ ร่างกายเราก็ไม่มีพิษต้องบีบ ออก จิตวิญญาณจะสั่งให้หัวใจของเรานั้น คลายตัว เพราะไม่ต้องบีบเอาพิษออกแล้ว ทำให้ความดันลดลง เค้าก็บีบตัวแค่เอาเลือดไปเลี้ยงร่างกายเท่านั้น เพราะจิตเค้ารู้ว่าจะเอาเลือดไปเลี้ยงเท่าไหร่อย่างไร เมื่อความดันโลหิตลดลง ก็หายไปจากโรคความดันโลหิตสูงได้ นี่คือความดันก็เป็นเช่นนี้นะครับ ก็รักษาไม่ยากอะไร 
               คนจำนวนมากของเราจึงหยุดยาความดันโลหิตสูงได้นะครับ ในการกินยาเป็นไง 
วิเคราะห์นิดหนึ่ง การกินยา ยาก็ไปสั่งหัวใจ สั่งระบบประสาท สั่งหัวใจอย่าบีบตัวแรง อยากบีบเอาพิษออก ตกลงหัวใจก็ไม่บีบตัว เอาพิษออก ก็บีบตัวแค่พอดี กดหัวใจไว้ เสร็จแล้วพอพิษมากเข้าๆๆ เป็นไง ร่างกายทนไม่ได้ ชีวิตทนไม่ได้ พอทนไม่ได้ สั่งหัวใจบีบตัวเลย ไม่ต้องไปฟังยา บีบตัวแรงๆเลย เราจะตายอยู่แล้ว พิษเต็มไปหมดอยู่แล้ว ก็สั่งให้หัวใจบีบตัวแรงๆ พอสั่งให้หัวใจบีบตัวแรงความดันก็ขึ้นอีก ยาก็เอาไม่อยู่ หมอก็เปลี่ยนยาตัวใหม่แรงกว่าเดิม กดหัวใจ แรงกว่าเดิม แต่ต้นเหตุไม่แก้หรอก กดหัวใจแรงกว่าเดิมอีก ก็หยุดได้สักพักหนึ่ง 
               แต่ใส่พิษเข้าไปเรื่อยๆ ความเครียด อาหารรสจัด อาหารเนื้อสัตว์ และ มลพิษต่างๆ ใส่เข้าไปไม่รู้จบ ไม่รู้แล้ว ใส่เข้าไปมากเข้าๆ ชีวิตทนไม่ได้ จิตวิญญาณสั่งเลย หัวใจบีบตัวแรงๆอย่าไปฟังยา บีบเอาพิษออกเลย เราจะตายแล้วก็ทำอยู่อย่างนี้แหละ หมอก็เปลี่ยนยาไปเรื่อยๆ จนสุดท้าย ไม่มียาตัวไหนเอาอยู่ 
             ความดันขึ้น เส้นเลือดในสมองแตกตาย กินไปรอให้เส้นเลือดในสมองแตกตาย เท่านั้นจริงๆ ไตวายอย่างนี้เป็นต้น กินไปมากๆ สารพิษก็ไม่ได้แก้ ยาก็เป็นพิษ ทำลายสมอง ทำลายประสาท ไต หัวใจ ทำลายไต พังหมด สุดท้ายไตวายอีก ทำลายไต ก็ไตวาย เพราะว่ายาเป็นเคมีทำลายไตอยู่แล้ว เคมีเหล่านั้นพิษเดิมก็ทำลายไตอยู่แล้ว เคมีก็ทำลายไตเสร็จแล้วก็รวมกันไปทำลายไต ไตก็วาย ก็ฟอกไต ก็เท่านั้นเอง ฟอกไตบ้าง เส้นเลือดในสมองแตกตายบ้าง มีโรคแทรกซ้อนเยอะแยะต่างๆบ้าง การที่ไม่ดับทุกข์ที่ต้นเหตุทุกข์ไม่มีวันดับ พระพุทธเจ้ายืนยันเลยว่าดับทุกข์นั้น เอเสมะวะโคทันโย ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น ทางอื่นไม่มีที่จะพาให้พ้นทุกข์ คือ สัมมาอารยมรรคมีองค์ ๘ เป็นอริยสัจ ๔ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ รู้ว่าดับทุกข์ต้องดับที่เหตุ อื่นจากนี้ไม่มี ท่านตรัสอย่างนี้เลย ถ้าไม่ดับที่เหตุ ทุกข์ก็ไม่ดับ เอ้าจบไปเรื่องความดันโลหิตสูง


สนใจฟังบรรยายได้ที่ลิงค์ http://www.youtube.com/watch?v=u7OdbW0j9Oc&feature=plcp
ถอดเทป โดย คุณยุพิน ชัยเวชสกุล ขออนุโมทนาในการบำเพ็ญบุญในครั้งนี้


สนใจศึกษาข้อมูลแพทย์วิถีธรรมเพิ่มเติมได้ที่ http://www.morkeaw.net

โรคริดสีดวงทวาร

แพทย์ทางเลือกวิถีธรรม (ยา ๙ เม็ด)
โรคริดสีดวงทวาร
ตอบแหลกก่อนแหกค่าย โดยหมอเขียว



ถาม : “ริดสีดวงทวาร ควรปฏิบัติตัวอย่างไรให้หาย? เพราะมีเลือดออก ไปหาหมอให้ผ่าหรือใช้เลเซอร
ตอบ : ก็ทำยา ๙ เม็ดนี่แหละ ริดสีดวงทวารเป็นโรคร้อนเกิน เมื่อร้อนเกินมาก ๆ แล้ว ร่างกายก็พยายามดันเอาพิษร้อนออก มันก็ดัน เส้นเลือดก็ปูดไปหมด มันเผาให้แข็งก็เป็นก้อนงอกมาเรื่อย นะ มันก็เป็นก้อนริดสีดวงทวารอย่างงั้นแหละ บางทีร่างกายต้องผลิตเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทนเซลล์ที่เสื่อมด้วย ก็เป็นริดสีดวงทวารขึ้นมา ก็ทำให้เย็นมันจะยุบไปเอง มันจะยุบไป เม็ดเลือดขาวที่แข็งแรงก็จะมาทำลายเซลล์ส่วนเกินเองมันจะยุบไปเอง ทำให้เย็นลงด้วยการทำ ๙ ข้อ นะ กินอาหารฤทธิ์เย็นสมุนไพรฤทธิ์เย็นต่าง ๆ รวมทั้งเวลาดีท็อกซ์ถ้ามีเลือดออกให้ใช้พวกฝาด ๆ เข้าไปด้วย ถ้าให้ดีถ้าเรามีนะ เรามีน้ำคลอโรฟิลล์แล้วมีน้ำปัสสาวะแล้ว ถ้าเรามีอะไรฝาด ๆ เช่น เปลือกมังคุด เปลือกหว้า เปลือกดู่ เปลือกแดง เปลือกสะเดา เปลือกอะไรล่ะ สารพัดเรื่อง เปลือกทับทิม อย่างเงี้ย หรือใบฝรั่ง อย่างเงี้ย อะไรก็ได้ที่ฝาด ๆ นะครับ ซักครึ่งถึงหนึ่งกำมือเราไปต้มให้เดือดซัก ๕ – ๑๐ นาที แล้วปล่อยให้มันเย็นแล้วเอาตัว นั้นมาผสม หรือฝาดแบบสด ๆ ก็ได้นะครับ ฝาดแบบสด ๆ ก็ได้ หาอะไรที่ฝาด ๆ ผสมเข้าไปด้วย มันจะสมานแผลได้ดีมาก นะ เลือดจะออกน้อยลง แล้วไม่ต้องกลัวเลือดออกก็ออกไป ดีท็อกซ์มันสะอาดมันก็หยุดเองของมัน ไม่ต้องไปกลัว ทำให้มันเย็นแล้วมันจะหยุดเองของมัน นะครับ
แล้วก็เวลาที่เราพบติ่งริดสีดวงทวาร เวลามันอยู่ตรงไหน ๆ เราก็เอาน้ำมันฤทธิ์เย็นของเรานี่ น้ำมันกัวซานี่ไปทาได้ น้ำมันกัวซาผสมน้ำมันเขียวแล้วก็ทาได้นะครับพวกนี้ ส่วนใหญ่นะคนที่เป็นริดสีดวงทวารนี่เท่าที่เราพบนี่ปฏิบัติตัวแบบนี้อย่างเคร่งครัด ๑ เดือนจะยุบไป ส่วนใหญ่ แล้วภายใน ๑ สัปดาห์จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนั้นนะครับ 


ถอดเทปโดย KhunChai Sam อนุโมทนาบุญในการถอดเทปค่ะ


สนใจฟังเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์  http://www.youtube.com/watch?v=jk_c3QsgVGc

ศึกษาข้อมูลแพทย์วิถีธรรมเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์ http://www.morkeaw.net

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ตัดต่อมไทรอยด์กับการดูแลสุขภาพแบบแพทย์วิถีธรรม

แพทย์วิถีธรรม (ยา ๙ เม็ด)
ตัดต่อมไทรอยด์กับการดูแลสุขภาพแบบแพทย์วิถีธรรม
คำถามอยู่ช่วง นาที่ 1.08
120722 แพทย์วิถีธรรม_ตอบเรื่องสุขภาพ
http://www.youtube.com/watch?v=UUxYEZ__aP4
ถอดเทป โดยคุณ Khunchai Sam อนุโมทนาในการบำเพ็ญบุญในครั้งนี้




 

ถาม : “เมื่อ ๕ ปีที่แล้ว ได้ตัดต่อมไทรอยด์ทั้ง ๒ ข้าง มีอาการมือสั่น เหนื่อยล้า เราจะต้องทำตัวอย่างไร? ขณะนี้ยังกินยาอยู่ หมอบอกว่ากินตลอดชีวิต น่าเบื่อ เหตุที่ตัดเพราะเป็นมะเร็งในไทรอยด์ ขอบคุณค่ะ”
ตอบ : จริง ๆ ไทรอยด์เป็นพิษเนี่ย เป็นไปมาก ๆ ก็จะเป็นมะเร็งนั่นแหละ มะเร็งไทรอยด์ ไทรอยด์เป็นพิษนั้น เกิดจากร่างกายมีพิษมาก ๆ เมื่อร่างกายมีพิษมาก ๆ จิตวิญญาณจะสั่งให้กล้ามเนื้อใช้พลังงานเกร็งตัวบีบเอาพิษออก ในปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ เมื่อจะต้องใช้พลังงาน ก็ต้องไปกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์นั้นหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ออกมามาก ๆ จิตนั่นแหละสั่งให้ต่อมไทรอยด์หลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ออกมามาก ๆ เพื่อกระตุ้นกระบวนการเมาตาบอลิค ฮอร์โมนไทรอยด์นั้นกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญอาหารเมตาบอลิค เผาผลาญอาหาร ดังนั้นเมื่อฮอร์โมนไทรอยด์ทำงานมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ มันก็เป็นไทรอยด์เป็นพิษ คือฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินพอดี
           พอไปกระตุ้นให้ร่างกายทำงานมาก ๆ กล้ามเนื้อเกร็งตัว บีบออก มันก็มีพิษค้างเต็มไปหมดเลยในร่างกายของเรา พิษเดิมก็ไม่ได้แก้ พิษใหม่ก็สร้างขึ้นมาจากการใช้พลังงานที่มาก ในการเกร็งตัวขับเอาพิษออก เพราะฉะนั้นพิษก็ยิ่งค้างมากกว่าเดิม เมื่อพิษค้างมากกว่าเดิมจิตวิญญาณก็ต้องยิ่งต้องสั่งให้ต่อมไทรอยด์หลั่งฮอร์โมนไทรอยด์มากกว่าเดิมอีก เมื่อหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์มากกว่าเดิม ร่างกายทำงานมากกว่าเดิม พิษก็ยิ่งค้างมากกว่าเดิม การเกร็งตัวแล้วพิษมันเยอะ มันเกร็งตัวแล้วบีบพิษออกไม่หมด เกร็งตัวค้าง เลือดลมไหลเวียนไม่ได้ พิษยิ่งค้างมากขึ้น ๆ ๆ ๆ ๆ พอพิษมาก ๆ ๆ ๆ พิษนั้นก็ไปกระตุ้นให้เกิดมะเร็งขึ้น นะครับ ที่ไทรอยด์ทำงานมากก็มีของเสียมาก กล้ามเนื้อที่ไทรอยด์เองก็ต้องเกร็งตัวบีบออก เลือดลมไหลเวียนไม่ได้เป็นไง ก็ต้องผลิตเซลล์ใหม่มาแทนเซลล์เดิมที่เสื่อม เกร็งตัวบีบเอาพิษออก แข็งแปะไว้ แข็งแปะไว้ แข็งแปะไว้ ก็เป็นมะเร็ง นะ เป็นอยู่อย่างนี้
            เสร็จแล้ววิธีรักษาไทรอยด์ในทางแพทย์วิถีธรรมทำอย่างไรไทรอยด์เป็นพิษ เมื่อรู้ต้นเหตุแล้วว่าไทรอยด์เป็นพิษเกิดจากร่างกายมีพิษมาก จนเกิดสภาพไทรอยด์เป็นพิษคือผลิตฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไป จนสุดท้ายอ่อนเพลีย อ่อนล้า มือสั่น ใจสั่น ตกใจง่าย เพราะร่างกายมันผลิตพลังงานง่าย มันก็ผลิตพลังงานง่าย มันก็สั่นง่าย นะ ตกใจง่าย เพราะมันผลิตพลังงานมันเกร็งตัวเอาพิษออกง่าย นะครับ

วิธีแก้ 


ก็แก้ที่ต้นเหตุ พระพุทธเจ้าบอกว่า ดับทุกข์ดับที่เหตุ ระบายเอาพิษออกซะ เมื่อระบายเอาพิษออกไปทุกทางนั่นแหละ ใส่สิ่งที่สมดุลร้อนเย็นเข้าไป เมื่อระบายเอาพิษออก จิตวิญญาณก็ไม่ต้องเสียพลังในการขับพิษ แล้วกล้ามเนื้อก็คลายตัว เลือดลมไหลเวียนสะดวก ของเสียออกได้ ของดีเข้าไปเลี้ยงได้ จิตเราไม่ต้องสั่งให้ร่างกายผลิตพลังงานเพิ่มมาขับพิษแล้ว เค้าก็ไม่ต้องไปสั่งฮอร์โมนไทรอยด์ เค้าก็จะสั่งฮอร์โมนไทรอยด์ให้ลดการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ลงมา เพราะไม่มีพิษต้องขับออกแล้ว ไม่ต้องใช้พลังงานแล้ว ไม่ต้องใช้ไทรอยด์ไปกระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิคแล้ว เค้าก็สั่งลดกระบวนการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ลง เพราะฉะนั้นไทยรอยด์เป็นพิษก็หายได้ด้วยประการฉะนี้

มีแพทย์คนนึง เป็นแพทย์แผนปัจจุบันเนี่ยนะครับ มาใช้วิธีการของเรา ท่านเป็นไทรอยด์เป็นพิษ จนไปกลืนแร่ก็ยังไม่หาย เป็นหนักขึ้น ๆ ตาปูดออกมา แสบตา ปวดตา รักษาก็ไม่หาย พอไม่หายปุ๊บก็มารักษาแบบเรา รักษาแบบแผนปัจจุบันไม่ดีขึ้น พอมารักษาแบบเราก็นี่แหละ มาถอนพิษออก เป็นพิษร้อน ถอนพิษร้อนออก พอถอนพิษออกปุ๊บเป็นไง ๓ เดือนเท่านั้นนะครับ ท่านก็กลับมา เล่าให้ฟังว่า ขอบคุณอาจารย์มาก ไทรอยด์เป็นพิษหายแล้ว ท่านว่างั้น ตรวจทุกค่าปกติหมดแล้ว นี่อุตส่าห์ไปกลืนแร่มา

ทำลายไทรอยด์นะ ก็ยังไม่หาย แล้วก็ใช้ยาหยอดตาของเราประจำเลย ท่านบอก ดีกว่าน้ำตาเทียมมาก หยอดน้ำตาเทียมแทบจะไม่มีผลอะไรเลย แต่พอหยอดน้ำสกัดย่านางนะ โอ๊ย อาการแสบปวดตาลงลดอย่างรวดเร็ว อาการแห้งตาแสบปวดตาลดลงอย่างรวดเร็ว ดีกว่า ท่านก็บอกว่าดีกว่าน้ำตาเทียม สุดท้ายท่านก็ใช้ไอ้นี่เราเป็นประจำ เลิกใช้น้ำตาเทียม นะฮะ นี่ก็เล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างนี้

           ส่วนคนที่รักษาแผนปัจจุบัน ท่านกินยากดฮอร์โมนไทรอยด์เอาไว้ ไทรอยด์มันหลั่งมามากใช่มั้ย กินยากดเอาไว้เลย แทนที่จะไปแก้ที่ต้นเหตุว่าระบายพิษออก มันจะได้ไม่ต้องผลิตไทรอยด์มาก เพื่อที่จะมาขับพิษ ท่านก็กินยากดฮอร์โมนไทรอยด์เลย พิษยังมากเหมือนเดิม กดไว้ กดไว้ พอมันมาก ๆ ก็กดไม่อยู่เหมือนเก่านั่นแหละ พอพิษมาก ๆ มันก็กดไม่อยู่ใช่มั้ย จิตก็ต้องสั่งให้ไทรอยด์ผลิตพลังงานเพิ่มมาขับพิษออกใช่มั้ย ท่านก็กินยา กด ๆ ๆ เข้าไป กดไปกดมาก็กดไม่อยู่ ไทรอยด์ก็มากเหมือนเก่า พอไทรอยด์มากเหมือนเดิมเป็นไง พอฮอร์โมนไทรอยด์มันมาก ท่านก็บอก เฮ้ย มันดื้อนี่หว่า ยากดมันไม่อยู่ อย่ากระนั้นเลย กลืนแร่เข้าไปทำลายไทรอยด์เลย ก็กลืนแร่เข้าไปทำลายไทรอยด์ เพื่อไม่ให้มันผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ได้ ขนาดกลืนแร่เข้าไปแล้วก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้อยู่อีก อย่ากระนั้นเลยตัดออกดีกว่า ฮึ ๆ ๆ ๆ นี่คือการรักษาที่ไม่แก้ที่ต้นเหตุ ก็จะทำแบบนั้นไปเรื่อย ๆ ตัดออกก็ยังไม่หายหรอก เพราะอะไร เพราะพิษยังอยู่เหมือนเก่า เราก็ใส่พิษเข้าไปเหมือนเดิม ก็ยังมีพิษอยู่ในร่างกายเป็นโรคแทรกซ้อนอื่นเหมือนเดิมอีก แถมร่างกายยังไม่มีพลังขับพิษอีกต่างหาก ยุ่งเข้าไปใหญ่ นะ

เพราะงั้นวิธีปฏิบัติทำอย่างไร มันตัดมาเรียบร้อยแล้วก็แล้วไป นะ ก็ตัดมาเรียบร้อยแล้วจะไปทำยังไงได้ล่ะ ยังไม่ตัดก็ต้องทานพวกฤทธิ์เย็นเรื่อย ๆ หรือถอนพิษออก ๙ ข้อ นั่นแหละ ระบายพิษออกเลยด้วย ๙ ข้อนั้น ทุกวิธี รวมทั้งที่ไทรอยด์เราก็ต้องเอาสมุนไพรที่ถูกกัน ไปพอก ไปทา ไปสัมผัสด้วย ส่วนตัดไทรอยด์ไปแล้วเราก็ทำความสมดุลอย่างอื่นแทน นะ ในเบื้องต้นต้องกินยาไปก่อนเพราะมันไม่มีฮอร์โมนไทรอยด์แล้ว กินไปก่อนในเบื้องต้น แล้วเราก็ปรับสมดุลร้อนเย็นแทน แล้วทำกุศลไปมาก ๆ แล้วพลังกุศลกับพลังสมดุลร้อนเย็นจะไปสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ขึ้นมาเอง เมื่อมันเต็มรอบ

ท่านปฏิบัติตัวโดยกินยาไปก่อน กินยาเพิ่มฮอร์โมนไปก่อน จนพลังชีวิตเราดีมากขึ้นแล้ว เรารู้สึกโอ๋พลังชีวิตเต็มเลยนะ สบายเบากายมีกำลังเป็นอยู่ผาสุก ลดฮอร์โมนไทรอยด์ลง ทีนี้ลดลง ค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ ถ้าพลังชีวิตดีก็ลดลงไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายทิ้งได้ นะครับ

จิตวิญญาณของเราสร้างได้ทุกอย่างไม่ต้องห่วง ปาฏิหาริย์เกิดได้เสมอเมื่อเกิดความสมดุล แล้วก็ จิตของคนนั้นวิเศษไม่ต้องห่วงเลย จิตคนน่ะวิเศษ นะครับ ถ้าเราทำกุศลได้มาก ๆ ๆ ๆ อะไรเค้าก็สร้างเองได้ ไม่ต้องห่วง มีกุศลมาก ๆ นี่อะไรเค้าก็สร้างขึ้นมาทดแทนได้หมด เราทำสมดุลร้อนเย็นไป แล้วทำกุศล ทำใจไร้กังวลไปมาก ๆ นะ พลังแห่งกุศลจะสร้างได้ทุกอย่าง ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง เค้าทำได้อย่างปาฏิหาริย์ มันมีพลังแห่งคุณงามความดีไปสังเคราะห์ธาตุที่ดีขึ้นมาแทนได้เลยนะครับเมื่อถึง     เวลาอันควร จะอธิบายยังไงน่ะนะ ฮึ ๆ อธิบายได้เท่านั้นแหละ พลังงานกุศลมันเหมือนกับพลังงานอกุศล ก็สร้างได้สารพัดอย่างน่ะแหละ เหมือนกับพลังงานอกุศลน่ะ ดูดเอาธาตุเอาพลังงานขึ้นมาสร้างอะไร เอาธาตุเอาพลังงานขึ้นมาสร้าง เอ่อ ขึ้นมาสร้างก้อนหินในท้องของคนที่เลี้ยงหมู แล้วเอาหินยัดปากหมูนั่นแหล

เค้าสามารถสร้างก้อนหินได้อย่างงั้นฉันใด พลังงานกุศลก็สลายหินได้ฉันนั้น ไม่มีหินได้ นะครับ เป็นอย่างเงี้ยไม่รู้จะอธิบายยัง ไง เหมือนกัน นะ คนไข้ที่เป็นฝีหนองอ่ะ รูโบ๋เท่ากำปั้น น่ะ ภายในเจ็ดวันน่ะ นะ เอ่อ ฝีหนองอ่ะ ๗ วัน หนองแตกทะลักรูโบ๋เท่ากำปั้น แต่อีก ๓ วัน เนื้อตื้นเต็มได้ยังไง อันเดียวกันนั่นแหละ นะครับ มันมีพลังของความสมดุลของกุศลเข้าไปสังเคราะห์


 http://www.facebook.com/photo.php?fbid=507224672622736&set=a.506074529404417.120455.451999981478539&type=1&theater

ศึกษาเรื่องแพทย์วิถีธรรมเพิ่มเติมได้ทื่เวป www.morkeaw.net.