วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

เป็นโรครักษาไม่หายทำอย่างไร

คำถาม
ถ้าหากคุณหมอเขียวป่วยแล้วรักษาไม่หายคุณหมอทำอย่างไร

คำตอบ
" อย่าหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย ใจผมเนี่ยนะต่อให้ผมไม่ได้อะไรดีๆ ในโลกใบนี้นะ แค่ผมไม่ต้องเป็นคนชั่วผมก็ดีใจมากแล้ว แค่นี้ จะไม่ต้องให้ลาภยศสรรเสริญ

แค่ผมไม่ต้องทำบาปอีกต่อไปในชีวิตได้มีโอกาสทำดีพอแล้ว
ผมก็ไม่ต้องทุกข์อะไร ผมก็พอแล้ว ไม่ต้องไปได้อะไรมากหรอก แค่เราเป็นคนหยุดชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใสเราก็สบายใจแล้ว เพราะเรากำหนดตัวเราได้ แต่การจะได้อะไรๆ มา เรากำหนดไม่ได้ เรามีความสุขกับสิ่งที่เรากำหนดได้ดีกว่า แค่นี้ผมก็พอใจแล้วนะที่ได้บำเพ็ญไป

ถ้าผมต้องเจ็บต้องป่วยนะ ในใจส่วนตัวผมแล้วมันไม่หายสมมุติ
ผมว่า แค่ผมไม่ต้องเบียดเบียนชีวิตใดๆ ก่อนตายผมก็พอใจแล้ว
ไม่ต้องกินเนื้อสัตว์ก่อนตายก็พอใจแล้ว แม้มันจะต้องตายเพราะชีวิตไม่ต้องเบียดเบียน ทำบาปเพิ่มแค่นี้พอใจแล้ว

ถามว่าผมมีความสุขมั๊ย... มีความสุขใช่มั๊ย แค่ผมไม่กินเนื้อสัตว์เนี่ย
ผมก็มีความสุขแล้ว แล้วถามว่าผมกำหนดได้มั๊ย...สิ่งนี้ทำได้มั๊ย...ทำได้
แต่การจะหาย/ไม่หายกำหนดไม่ได้ใช่มั๊ย เราก็เอาที่เราทำได้ซิ สิ่งที่เราเห็นด้วยปัญญาของเรา ถ้าเราได้ทำดีเราก็มีความสุขแล้วชีวิต เราก็ทำดีชั่วไม่ทำทำแต่ดี

แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว เราคิดแค่นี้จิตใจก็ผ่องใสแล้วใช่มั๊ย...แค่นี้ก็ดีมากแล้ว

อิโบล่า

มีเรื่องขอคำปรึกษาโรคร้าย อีโบล่า สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าออกประเทศ
ผ่านสนามบินช่่างจำนวนหลายคน
นอกจากปิดปากปิดจมูกแล้ว
มีวิธีไหนป้องกันสุขภาพได้อีกคะ
รบกวนเผยแพร่เป็นธรรมทานด้วยค่ะ


คำตอบ
ปรับสมดุลร้อนเย็น ด้วยยา ๙ เม็ด ดื่มน้ำปัสสาวะสดและนาโน
จะช่วยอีกแรง ป้องกัน ทำให้หายหรือทุเลาได้

ผมพบว่า น้ำปัสสาวะเป็นยาที่มีคุณสมบัติพิเศษ
สามารถช่วยปรับสมดุลได้ทุกอย่าง น้ำปัสสาวะนั้น นอกจากจะมีสารและพลังงานต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ก็ยังเป็นวัคซีนอย่างดี
ด้วยกลไกการเป็นส่วนเกินที่ร่างกายไม่ต้องการจึงได้ขับออก เมื่อเราเอาน้ำปัสสาวะเข้าไปใหม่หรือสัมผัสกับส่วนต่างๆ ของร่างกาย ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยารับรู้ว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม เป็นส่วนเกินจึงกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวทำงาน
เม็ดเลือดขาวมีหน้าที่ ย่อยสลายกำจัดสิ่งแปลกปลอม เชื้อโรค สารพิษ และเซลล์ที่ผิดปกติอยู่แล้ว

เมื่อเม็ดเลือดขาวตื่นตัวในการทำงาน เนื่องจากการดื่มหรือสัมผัสน้ำปัสสาวะ ก็ทำให้เชื้อโรค สารพิษเซลล์ที่ผิดปกติและสิ่งแปลกปลอมท
ี่ไม่ดีต่าง ๆ ในร่างกายพลอยถูกเม็ดเลือดขาวย่อยสลายกำจัดไปด้วย ร่างกายจึงเกิดภูมิต้านทาน เกิดพลังชีวิต เกิดสุขภาพที่ดี

เป็นหลักการเดียวกันกับที่แพทย์แผนปัจจุบันฉีดวัคซีน คือใส่เชื้อโรคหรือพิษทีมีฤทธิ์อ่อนๆเข้าไปในร่าง
กาย เพื่อให้ร่างกายเกิดภูมิต้านทาน ด้วยการกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาววววตื่นตัวในการ
กำจัดเชื้อโรค จะแตกต่างกันบ้างตรงที่น้ำน้ำปัสสาวะเป็นสิ่งที่ร่างกายคุ้นเคยอยู่แล้ว จึงเกิดปฏิกิริยาปรับสมดุล สร้างภูมิต้านทาน สร้างพลังชีวิตอย่างสุขุมนุ่มนวล ไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้านที่รุนแรงกระโชกโฮกฮาก
เหมือนรับวัคซีนทั่วไป

ข้อมุลเพิ่มเติม :
การรวบรวมองค์ความรู้ เรื่อง ปัสสาวะบำบัด (Urine Therapy)
http://www.thaicam.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=183%3A-urine-therapy&catid=49%3A2009-09-09-09-44-27&Itemid=136

เขียนโดย นางจุฑา ลิ้มสุวัฒน์

เป็นมะเร็งมดลูกระยะ ๑ ทำอย่างไรคะ ถึงจะหายและไม่ตาย

คำถาม
เป็นมะเร็งมดลูกระยะ ๑ ทำอย่างไรคะ ถึงจะหายและไม่ตาย

ตอบคำถาม
โอ๊ย จะไม่ตาย ไม่ได้หรอก คนไม่เป็นมะเร็งก็ยังตายเลย ถามคำถามนี้
ไม่มีวิธีจะไม่ตายนะ ขอยืนยันนะ
เกิดมาทุกคนต้องตายหมด เกิดมาเป็นโรคและไม่เป็นโรคก็ตายหมด ถึงเวลาตาย ตายทุกคน

เพราะงั้นทำยังไงถึงจะไม่ตาย โอ้..มีวิธีอยู่เหมือนกันนะ คือปรินิพพาน ถ้าเราปรินิพพาน เราก็จะไม่เกิดและไม่ตาย
คือ ปฏิบัติตนเองให้เป็นอรหันต์ ลดกิเลสให้หมดเลยนะ เสร็จแล้วปรินิพพาน พอปรินิพพานปุ๊บ ก็จะไม่เกิดและไม่ตาย

มีวิธีเดียว ก็จะไม่ตายคือไม่ต้องเกิด ถ้าจะไม่ตายก็ไม่ต้องเกิด ถ้าเกิดก็ต้องตาย

แต่ทำไมถึงจะหาย ? อันนี้มีโอกาส ทำ 9 ข้อนี้แหละ แล้วก็พอกสมุนไพร กัวซาบริเวณท้องกับตรงข้ามท้อง แล้วก็พอกสมุนไพรไป บางทีอาจสวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำปัสสาวะช่วยอีกแรง ก็ช่วยได้นะ หลายคนเขาก็หายได้

ถ้าจะต้องผ่า ถ้าหมอนัดผ่าก็ดูว่ามันเบียดเบียนมาก ก้อนเบียดจนรู้สึกทุกข์ทรมานมาก แล้วมันก็ไม่ลดความทุกข์ ทรมานลงเลยนะ มันไม่ทุเลา มันทนได้ยากได้ลำบาก จำเป็นต้องผ่าก็ผ่านะ ไม่เป็นไร ถ้าจำเป็นผ่าก็ผ่า

แต่ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องผ่านะ ไม่ได้ทุกข์ทรมานเกินไปนะ ไม่ได้ขยายมากจนเราทรมานมาก เราก็ปฏิบัติไปก่อนก็ได้ หลายท่านก็ยุบหายไป โดยไม่ต้องผ่านะ หรือมันไม่ขยายมากขึ้น ก็ไม่ต้องผ่าก็ได้

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้ามันจำเป็น พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และพึงสละชีวิต เพื่อรักษาธรรม

ถ้ามันนต้องสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตล่ะก็ ถ้าอวัยวะนั่นมันเป็นพิษแล้วมันขยายๆไปเบียดจนทำร้าย เราจนทรมานมาก ก็ผ่าได้ ไม่เป็นไร แต่การฉายแสง และเคมีบำบัด เท่าที่ตรวจสอบตามหลักการของพระพุทธเจ้านี้ ไม่เป็นประโยชน์ เป็นโทษมากกว่าเป็นประโยชน์ เท่าที่ตามหลักการของพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้

คือถ้าเป็นผม ถ้าเป็นก้อนหรือว่าเป็นมะเร็ง ถ้าจำเป็นนะ ไม่จำเป็นก็จะไม่ผ่า ถ้าผ่าก็ผ่าเฉพาะก้อน ผมจะไม่ฉายแสง จะไม่เคมี ถ้าเป็นผม แต่คนอื่นก็แล้วแต่ท่าน เป็นอิสระส่วนบุคคล เป็นความเห็นส่วนบุคคล

ผมเอาหลักพระพุทธเจ้ามามาเช็ค พระพุทธเจ้าตรัสว่า ใครก็ตามที่ทำไปแล้วมันทรมาน มันจะทำให้มีโรคมากและอายุสั้น ฉายแสงและเคมี คนส่วนใหญ่ทำแล้วคนทรมาน ก็จะมีโรคมากและอายุสั้น ก็จะมีคนหายบ้างเป็นบางคน คือถ้าคนหายเป็นบางคนเนี่ยะ ถ้าเขารักษาได้จริง มันก็ต้องหายเพราะฉายแสงหรือเคมี เพราะถ้าหายโดยฉายแสงและเคมี คนก็ต้องหายเป็นส่วนใหญ่ แสดงว่าหายเป็นบางคน มันไม่ได้หายเพราะฉายแสงหรือเคมี เพราะถ้าหายโดยฉายแสงและเคมี ก็ต้องหายเป็นส่วนใหญ่

ที่มันหายเป็นบางคนเนี่ย แสดงว่าไม่ได้เกิดจากกการฉายแสงและเคมี แต่จะเกิดจากเหตุอื่น แม้จะฉายแสงและเคมีก็ตามแต่เหตุอื่น เขาอาจจะปรับอาหาร กินสมุนไพรหรือวิบากกรรม เขาหมดอย่างนี้ เป็นต้นก็หายได้

พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า โรคบางโรครักษาก็หาย ไม่รักษาก็หาย บางทีเขาไม่รักษาเลย เขาอาจจะหายเลยก็ได้ มะเร็ง บางคนนะ เขาไม่ทำอะไรเลยก็หาย ไม่ทำอะไรเลยนะ ในบางคนที่เป็นมะเร็ง แผนปัจจุบันก็ไม่ใช่ แผนทางเลือกก็ไม่ใช่ สมุนไพร อะไรก็ไม่ใช่ ก็หายเฉยเลยก็มี ก็แปลว่าโรคเขาจะหายอยู่แล้ว วิบากกรรมเขาหมดน่ะ มันก็หาย

โรคบางโรครักษาก็หาย ไม่รักษาก็หาย พระพุทธเจ้า ตรัสอย่างนี้
บางโรครักษาจึงหาย ไม่รักษาไม่หาย
แล้วพระพุทธเจ้าก็บอก บางโรครักษาก็ไม่ไม่หาย ไม่รักษาก็ไม่หาย
คือที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะมันเป็นหนัก มันเป็นมาก วิบากกรรมแรง มันเป็นอย่างนั้น

ดังนั้นเราคิดว่า อะไรที่มันทรมาน พระพุทธเจ้าก็บอกไม่ต้องทำ อะไรที่มันทรมาน พระพุทธเจ้าก็บอกไม่ต้องทำ อะไรที่ทรมานก็ไม่ต้องทำ ทำไม่มีประโยชนนะครับ ทำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่โทษ ทำไปก็ทรมานอย่างนั้น ตามทฤษฎีของพระพุทธเจ้านะ ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณาตามสมควร

อย่างที่ว่าน่ะแหละ อะไรที่มันมีผลจริงต่อคน ถ้ามันมีผลจริงต่อคนส่วนใหญ่ คนส่วนใหญ่ต้องดีขึ้น ถ้ามันแค่บางคนที่ดีขึ้น มีแค่บางคนที่ดีขึ้น บางคราว แปลว่ามันไม่ได้เกิดจากสิ่งนั้น หลักสถิติก็บอกอยู่แล้ว ไม่ใช่สิ่งนั้นนะ ที่ถามคนส่วนใหญ่เขาดีขึ้น ดีขึ้นเพราะเหตุนั้นใช่ไหม แล้วถ้ามันมีบางคนที่ดีขึ้น ที่ทำสิ่งนั้น คนส่วนใหญ่แย่ลง แต่ก็มีแค่บางคนดีขึ้น มันก็ไม่ใช่จากเหตุนั้น มันมาจากเหตุอื่น นี่เป็นหลักวิทยาศาสตร์ง่ายๆ หลักสถิติด้วย