คำถาม
อยากให้คุณหมอช่วยให้ความกระจ่างแสดงความคิดเห็น
วิเคราะห์โรคมะเร็งให้ดิฉันเข้าใจหน่อยได้ไหมคะ ดิฉันเป็นโรคมะเร็ง
แต่ญาติดิฉันอยากให้ไปคีโม ดิฉันรู้ว่ามันทรมานมาก
อย่างน้อยตอนนี้ดิฉันดูแลด้วยยา ๙ เม็ดของคุณหมออยู่ แม้จะทำได้ไม่ครบ
แต่ดิฉันก็มีความสุขสบายใจดี มีกำลังมากขึ้น
อย่างน้อยหากมันไม่หายดิฉันก็ขอตายเย็นแบบไม่ต้องทรมานก่อนตาย
ไม่ขอไปตายร้อนใส่สายระโยงระยาง ขอความกรุณาคุณหมอด้วยนะคะ
ดิฉันจะเอาไปให้ญาติอ่านทำความเข้าใจค่ะ
คุณหมอเขียวตอบ
คนตายด้วยโรคมะเร็งเป็นอันดับ ๑ ของโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย
แม้กระทั่งแพทย์เองหากเป็นโรคมะเร็งส่วนใหญ่ก็ตายเหมือนกัน
แต่ก็เป็นที่น่าประหลาดใจว่า ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่ทั่วไป ไม่ได้ฉุกคิดว่า
แพทย์เองนั้นเมื่อเป็นมะเร็ง ส่วนใหญ่ก็ยังเอาตัวเองไม่รอด
แก้ปัญหาตัวเองยังไม่ได้ ตายด้วยมะเร็งเช่นเดียวกับประชาชน
แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไปรักษากับคนที่เมื่อเขาเป็นมะเร็งแล้ว
เขาก็ยังรักษาตัวเองไม่หาย สาเหตุที่แพทย์แผนปัจจุบันหรือผู้ป่วยมะเร็งไม่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายได้
เพราะว่ายังไม่รู้จักโรคนี้อย่างถ่องแท้
จึงทำให้ไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่ถ้าหากมีความใจกว้างที่จะศึกษาเรียนรู้ข้อมูลข้อคิดเห็นจากศาสตร์อื่น
เพิ่มเติมก็จะเข้าใจมะเร็งได้ชัดขึ้น
มะเร็งเกิดได้อย่างไร ตามหลักการแพทย์ทางเลือกวิถีพุทธ(บุญนิยม)
หรือแพทย์วิถีธรรม เชื่อว่า มะเร็งเกิดจากความไม่สมดุล และยุคนี้ส่วนใหญ่
เป็นความไม่สมดุลแบบร้อนเกินด้วย ต้นเหตุ ๙ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดทุกโรค
รวมถึงมะเร็งด้วย ได้แก่
๑. มีความเครียด
๒.กินอาหารไม่ถูกหลัก
๓.กายบริหารไม่ถูกต้อง
๔.รับแต่มลพิษ
๕.แก้พิษไม่เป็น สัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอิเลคทรอนิคส์ เกินความสมดุล
สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดสาภาวะร้อนเกินในร่างกายเมื่อมีความร้อนเกิดขึ้น
ก็มีกลไกลอยู่ตัวหนึ่ง คือเมื่อมีความร้อนอยู่มาก ๆ
ก็จะมีการเผาเนื้อเยื้อให้แข็ง แข็งคล้าย ๆ กับเนื้อที่เราเอาไปต้ม
หรือเอาไปย่าง เนื้อต่าง ๆ เมื่อโดยความร้อนจะมีความแข็งขึ้น
จากเนื้อนิ่ม ๆ เมื่อโดนความร้อนก็จะแข็งขึ้น โดยสัจจะเมื่อมันแข็งขึ้น
เมื่อมันเผาถึงรอบหนึ่งเลือดลมก็จะไม่สามารถเข้าไปเลี้ยงเซลล์ไม่ได้
อาหารเข้าไม่ได้ ของเสียออกไม่ได้เซลล์ตัวนั้นก็จะแข็งแล้วก็ตาย
พอเซลล์จะเริ่มเสื่อมแล้วก็ตายก็จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้
เพราะเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้
เมื่อไหลเวียนไม่ได้ร่างกายก็จะมีกลไกผลิตเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทนพอผลิต
เซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ แต่ความร้อนก็ยังอยู่เหมือนเก่า
ในเมื่อความร้อนยังอยู่เหมือนเดิมเซลล์ที่ผลิตขึ้นมาใหม่ๆ
ยังไม่ทันแข็งแรงดีก็จะถูกเผาให้แข็งอีก และถูกแปะไว้อีก
ด้วยความร้อนที่มีอยู่พอถูกเผาก็แข็งแปะไว้อีกร่างกายก็จะผลิตเนื้อเยื้อ
ใหม่ขึ้นมาแทนอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก
อยู่อย่างนี้ก็ทำให้เนื้อเยื้อตรงจุดเดิมมีการงอกออกมาเรื่อย ๆ โตขึ้น ๆ
จึงกลายเป็นเนื้องอก
แต่ถ้ามันงอกไม่หยุดงอกอยู่ตลอดเวลาจนกลายเป็นมะเร็ง
หรือใครที่กินอาหารร้อน ๆ
แต่ร่างกายทำการขับความร้อนออกไปไม่หมดความร้อนนั้นก็จะไปกองกันนานเข้า ๆ
ก็จะกลายเป็นมะเร็ง
ของผัดของทอดจะเป็นอาหารที่ทำให้เกิดมะเร็งได้ดีมากทีเดียว
คนที่ไม่มีความสมดุลในร่างกายมีแต่การซับพิษเข้าร่างกายตลอดเวลาก็จะทำให้มี
ก้อนตามที่ต่าง ๆ ตามร่างกาย
แต่ถ้าเราไม่เครียดไม่แร่งผลมากจนเกินไปและแร่งภาคเพียรปฏิบัติ
การหายก็จะเร็วขึ้น ก้อนต่าง ๆ เกิดขึ้นมาจากเหตุปัจจัย ๒ ปัจจัย คือ
๑. ธาตุอาหารที่ร่างกายไม่รับแล้วร่างกายก็จะทำการขับสิ่งเหล่านี้ไปกองไว้ที่ใดที่หนึ่งทำให้เกิดการเผาให้แข็ง
๒. เนื้อเยื่อที่มันแข็งตาย
การที่มีไขมันเกินในร่างกายมากจนร่างกายขับไขมันเหล่านั้นไปกองอยู่ในร่าง
กายที่ใดที่หนึ่งก็จะกลายเป็นก้อนมะเร็งได้
พ่อท่านเล่าให้ฟังว่าจริงแล้ว ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วย อุตุ พีชะ จิตตะ
กรรมมะ ชีวิตมนุษย์นี้ประกอบด้วย 5 ส่วน
แต่ส่วนที่เป็นร่างกายนี้มันคือพีชะ
โดยธรรมชาติของพืชก็จะรับเอาสารที่มันต้องการเท่านั้นส่วนสารที่มันไม่ต้อง
การก็จะไม่เอา หากเราใส่สิ่งที่มันต้องการเข้าไปมันก็จะรับแล้วดูดเข้าไป
แต่สารบางอย่างที่ มันไม่ต้องการก็จะไม่ดูดไม่รับเข้าไป
ซึ่งสิ่งที่มันไม่ต้องการก็จะค้างเอาไว้และขับออก ๆ
ไปกองเอาไว้ที่ใดที่หนึ่ง
เมื่อมีมากขึ้นก็ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวกและไปเบียดเนื้อเยื่อ
ก็เลยทำให้เนื้อเยื้อนั้นตาย ทำให้ร่างกายผลิตเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทน
เซลล์มะเร็งเกินขึ้นจาก ๒ สาเหตุหลัก ๆ คือ
๑.การที่เรามีธาตุอาหารที่ร่างกายไม่รับมีมากจนเกินไปแล้วกองรวมกันไม่สามารถถ่ายเทออกได้
๒.และ เนื้อเยื้อที่มันแข็งตาย ที่ถูกเผาตายอยู่เรื่อย ๆ กองรวมกัน นาน ๆ เข้าก็จะทำให้กลายเป็นมะเร็ง
ส่วนมะเร็งอีกแบบหนึ่งคือร่างกายร้อนมากแล้วต่างกายไม่สามารถผลิตเนื้อเยื้อ
ขึ้นมาแทนได้ความร้อนนั้นได้เผาเนื้อเยื้อนั้นให้เปื่อยจนเน่าไปเรื่อย ๆ
จนเหม็น
มะเร็งอีกแบบหนึ่งคือ ความร้อนได้เผาเนื้อเยื่อนั้นให้ผิดรูปไปก็จะเป็นมะเร็งอีกแบบหนึ่ง
แต่การแก้ก็เหมือนกันทั้งสิ้นนั้นก็คือการที่ต้องถอนพิษร้อนนั้นออก ด้วยยา ๙
เม็ดตามแบบแพทย์วิถีพุทธ หากเราถอนพิษร้อนด้วยยา ๙ เม็ด อะไรจะเกิดขึ้น
สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือว่าเช่นเรากินน้ำคลอโรฟิลด์
หรือการกินอาหารที่มีฤทธิ์เย็น อะไรต่าง ๆ
แต่หลักการใหญ่ที่เรารู้ก็คือร่างกายมีความร้อนมากเกินไป
เราก็ใส่ความเย็นเข้าไปเพื่อที่จะไปลดความร้อนลงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
คือร่างกายเย็นลง เช่น
หากเรากินน้ำคลอโรฟิลด์เข้าไปความเย็นก็จะเคลื่อนเข้าไปที่เซลล์ความร้อนก็
จะเคลื่อนออกมาตามหลักการเคลื่อนของพลังงาน
ทำให้เซลล์เย็นลงมันจะเกิดผลอยู่ ๓ เรื่อง คือ
๑. เซลล์เย็นลง
๒ .เซลล์จะอ่อนตัวจากเซลล์ที่แข็งมันจะอ่อนตัวลงเป็นไปตามสัจจะของมัน
เช่นหากเราทำงานมาก ๆ กล้ามเนื้อก็จะร้อนแข็งแกร่งค้างร้อน
หรือหากเรามีความเครียดมาก ๆ จะเห็นได้ว่าบริเวณบ่า และคอ
มีความแข็งก็เพราะความร้อนเผานั้นเอง
แต่พอเราผ่อนคลายไม่เครียดความตึงแข็งต่าง ๆ ก็จะลดลง คลายตัวลง
๓.
เม็ดเลือดขาวจะแข็งแรงขี้นเพราะว่าเม็ดเลือดขาวนั้นไม่ถูกความร้อนเผาก็จะ
แข็งแรงขึ้น
เมือใดที่เม็ดเลือดขาวแข็งแรงมันก็จะไปโอบสลายเซลล์มะเร็งซึ่งเป็นหน้าที่
หลักของเม็ดเลือกขาวในการสลายเชื้อโรค สลายเซลล์มะเร็ง
อยู่แล้วที่จะทำลายสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย โดยขบวนการฟาโกไซโทซีส
เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่าแมคโครฟาด
โดยการเข้าไปโอบเซลล์มะเร็งแล้วหลั่งสารทำลายเซลล์มะเร็งออกมาแล้วส่งเซลล์
เหล่านั้นโดยแปรสภาพเป็น ขอเสียต่าง ๆ เช่นเป็นน้ำเมือก เป็นน้ำเหลือง
เป็นขี้ไคล เป็นอุจจาระ เป็นปัสสาวะ ขี้หู ขี้ตา ขี้จมูก ขี้ปาก ทุก ๆ
อย่าง ในร่างกาย ทางระบายพิษปกติของร่างกาย
จะระบายสารพัดทิศทางที่สามารถระบายได้
พอพิษสามารถระบายออกได้เซลล์มะเร็งก็จะเล็กลง ๆ
สุดทายมะเร็งก็หายไปในที่สุด
เราจึงพบคนไข้มากมายที่มารักษาในแบบนี้พบว่าเนื้อที่เป็นก้อนแข็ง ๆ
จะอ่อนตัวลง ยุบตัวลงเล็กลงจากก้อนแข็ง ๆ มันอ่อนตัวลง
มันยุบลงเราเจอคนไข้จำนวนมากที่ปฏิบัติตัวแล้วเกิดผลทีดีขึ้น ภายในระยะเวลา
5
วันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงให้เห็นได้จึงทำให้เราพบว่ามะเร็งสามารถทำให้หายได้
หากคุณทำได้ถูกต้อง
บางท่านอาจสงสัยว่าก่อนที่จะมารักษาเหตุใดเม็ดเลือดขาวถึงไม่ไปกินเซลล์
มะเร็ง
ก็จะมีเหตุผลอยู่ ๓ เรื่อง
๑ ร่างกายร้อน
๒ เนื้อเยื้อมีความแข็งมากเกินไป
๓
ตัวเม็ดเลือดขาวเองก็ไม่แข็งแรงพอที่จะทำการโอบสลายเซลล์มะเร็งเพราะโดนความ
ร้อนเผาอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ไม่มีกำลังพอที่สลายอะไรได้
ส่วนจะเร็วจะช้าก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้น ๆ
หากปฏิบัติได้ดีมากก็จะหายเร็วมาก
มากปฏิบัติได้เท่าไหร่ก็จะหายเร็วเท่านั้น
โดยปกติหมอแผนปัจจุบันไม่รู้วิธีที่จะทำให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง
โดยที่หมอแผนปัจจุบันก็ทราบว่าเม็ดเลือดขาวเป็นตัวกินเซลล์มะเร็ง
แต่แพทย์แผนพุทธรู้วิธีนี้ จึงทำให้สามารถรักษาโรคมะเร็งได้
การแก้ไขโรคมะเร็งตามแนวทางของแพทย์แผนปัจจุบันคือการผ่าตัด การทำเคมีบำบัด
- การผ่าตัดคือการผ่าตัดเอาเนื้อส่วนที่เป็นมะเร็งออกไป
แต่ก้อนมะเร็งไม่ได้เป็นตนเหตุของมะเร็ง
แต่ต้นเหตุของมะเร็งนั้นคือพฤติกรรมการก่อมะเร็ง
เพราะฉะนั้นหากมีการตัดเนื้อส่วนที่เป็นมะเร็งออกมะเร็งก็จะกลับมาโดยค่า
เฉลี่ยภายในระยะเวลา 5 ปี หลังจากที่คุณตัดเนื้อส่วนนั้นไป
นี้คือค่าเฉลี่ยนของหมอแผนปัจจุบันที่มีการเก็บข้อมูลกันมา
แต่ปัจจุบันนี้มะเร็งจะกลับมาเร็วกว่า ๕ ปี ด้วยซ้ำไป
เมื่อตัดออกไปแล้วหมอมักจะให้คนไข้กินอาหารบำรุงร่างกายมาก ๆ
ซึ่งนี้ก็ยิ่งทำให้มะเร็งกลับมาเร็วขึ้นไปอีก
- การฉายแสง
เขาจะตีกรอบและฉายแสงลงไป โดยใช้แสงกัมมันตภาพรังสี
กัมมันตภาพรังสีส่วยใหญ่จะใช้ในการทำระเบิดประรำมะณู
แต่มีการนำแสงชนิดนี้มาฆ่าเซลล์มะเร็งเมื่อมีการฉายแสงลงไปเซลล์มะเร็วก็จะ
ตายอย่างแน่นอนแต่พลังงานความร้อนมันไม่ได้อยู่กับที่โดยหลักปฏิบัติพลังงาน
ความร้อนจะกระจายไปทั่วโดยคนไข้จะมีอาการออกร้อนไปทั้งตัว ปากเปื่อย ปากพอง
ปวดท้องคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ผมร่วง ดำไปทั้งตัว ไหม้ไปทั้งตัว
นั้นแปลว่าความร้อนได้ขยายไปทั่งทั้งร่ายกาย
แต่แพทย์พยามบอกกับคนไข้ความมีการตีกรอบในการฉายแสงเอาไว้แล้ว
ซึ่งนั้นไม่เป็นความจริงเลยโดยแพทย์และพยาบาลเองเมื่อเตรียมตัวจะฉายแสงก็จะ
หาที่หลบเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนแสงนั้น ๆ
หากแสงนั้นไม่กระจายจริงอย่างที่แพทย์บอกทำไมทั้งแพทย์และพยาบาลไม่ยืนอยู่
เป็นเพื่อนคนไข้ด้วยกัน
เพราะแพทย์เองก็ทราบว่าแสงนั้นไม่อยู่กับที่มันจะกระจายไปทั่วบริเวณ
และกระจายไปทั่วตัวคนไข้ด้วยเช่นกัน
ในศูนย์มะเร็งจะเต็มไปด้วยแสงที่เป็นอันตราย
แม้กระทั้งเจ้าหน้าที่ศูนย์มะเร็งเองก็ป่วยเยอะมากป่วยด้วยโรคที่มีมีสภาวะ
ร้อนเกินเช่น ป่วยเป็นโรคบัวหวาน ความดัน มะเร็ง หรือไทรอยเป็นพิษ เป็นต้น
- การทำเคมีบำบัด คือการฉีดสารพิษเข้าไป ซึ่งสารพิษนั้นมีฤทธิ์ร้อน
ซึ่งมีฤทธิ์ร้อนมากขนาดทำให้เส้นเลือดไหม้จนดำ ออกร้อนตามเนื้อตัว
บางคนออกอาการปากเปื่อย ปากผอม ผมร่วง คลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว
ดำไหม้ไปทั้งตัว สารพัดที่จะทรมาน ทุรนทุราย เกือบ ๑00 เปอร์เซ็นต์
เป็นเช่นนั้น มันร้อนมากเพราะเขาหมายต้องการฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตาย
ใช้ความร้อนมากขนาดนี้ โดยมีการออกกฎ ระเบียบมาว่า ห้ามให้คนผสมยานั้น
เป็นผู้ฉีดยา ต้องแบ่งกันทำงาน โดยมีคนหนึ่งผสมยา
และมีอีกคนหนึ่งเป็นผู้ฉีดยา เพื่อว่าจะได้มีการกระจายพิษกันออกไป
คนละเล็กคนละน้อย แต่คนที่ได้รับพิษมากที่สุดก็คือคนที่โดนฉีดยา
โดยแพทย์หมายที่จะนำความร้อนนั้นไปฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตาย
แต่คุณคิดหรือไม่ว่า
พลังงานหรือยาที่เข้าไปจะเข้าไปฆ่าแต่เฉพาะเซลล์มะเร็งอย่างเดียว
ความจริงก็คือ มันเข้าไปทำลายทุกเซลล์ด้วย โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาว
เซลล์เม็ดเลือกขาวจะลดลงมากมาย ตายเกือบหมด
และจะเกิดอะไรขึ้นสำหรับคนที่ฉายแสงและทำเคมีบำบัด
แสงและเคมีบำบัดมันร้อนมากร้อนขนาดอย่างที่ว่าสามารถทำให้คนตายได้
บางครั้งการฉีดยาครั้งเดียวก็สามารถทำให้คนตายได้ในบางคน
หรือร้อนขนาดที่นำมาทำระเบิดฆ่าคนให้ตายได้หลายล้านคนในเวลาเดียวแต่สิ่งที่
จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ จะเกิดมะเร็งใหม่ที่ร้ายกว่าเกิดในอีกไม่นาน
หลังจากที่คุณฉายแสงและเคมีบำบัดเพราะว่าพิษร้อนที่ใส่เข้าไปใหม่นั้น
ที่หมายจะฆ่าเซลล์มะเร็งนั้นให้ตายเป็นพิษร้อนที่ดุร้ายยิ่งกว่าพิษที่ก่อ
ให้เกิดมะเร็งเสียอีก ร้ายกว่าเดิมหลายหมื่นเท่าก็ว่าได้
เพราะว่าการกินอาหารเป็นพิษนั้นไม่ได้ทำให้ตายในทันที
แต่การโดยเคมีนั้นสามารถทำให้ตายได้ในทันที
เพราะฉะนั้นมะเร็งที่จะเกิดขึ้นใหม่ก็จะร้ายกว่าเกิดเพราะพิษที่ใส่เข้าไป
นั้นร้ายกว่าเกิดหลายเท่าตัว
และอีกอย่างหนึ่งพิษเก่าที่มีอยู่ก็ไม่ได้มีการแก้ไข
หนำซ้ำยังมีการเพิ่มพิษใหม่เข้าไปอีก และพฤติกรรมก็มีการทำอยู่เหมือนเก่า
ทำให้มีการเกิดพิษขึ้นเป็น ๒เท่า
ถามว่าทำไมถึงเกิดมะเร็งใหม่ ก็เพราะว่า
๑ ต้นเหตุที่ทำให้เกิดมันร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม
๒ เม็ดเลือดขาวมันถูกฆ่าจากการทำเคมีบำบัดและฉายแสง
ซึ่งเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่กินชื้อโรคในร่างกาย กินเซลล์มะเร็ง
คุณต้องการรักษามะเร็งแต่ตัวคุณกลับไม่ฆ่าสิ่งที่รักษาตัวที่สามารถฆ่าเซลล์
มะเร็ง แล้ว จะถือเป็นการรักษาได้อย่างไร
แม้กระทั่งตามหลักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถอธิบายได้การผ่าตัดยังพอรับได้
เพราะไม่มีการใส่พิษเพิ่มเข้าไปในร่างกาย
๓ ทำให้เซลล์ต่าง ๆ
ในต่างกายตายไปด้วย
เพราะการฉีดยาเข้าไปได้มีการทำลายเซลล์ในร่างการเพิ่มขึ้นเมื่อเซลล์หลาย
ส่วนในร่างกายตายลงไป
ธรรมชาติของเซลล์ร่างกายมนุษย์เวลามันตายไปก็จะมีเม็ดเลือดขาวคอยทำลายเซลล์
ที่ตาย
เพราะฉะนั้นร่างกายมนุษย์ทุกคนนั้นมีเซลล์มะเร็งอยู่แล้ว
เซลล์ของคนเรานั้นผิดปรกติอยู่ตลอดเวลา
หากคนเรามีเม็ดเลือดขาวที่ไม่แข็งแรงแล้วไซ้มะเร็งก็สามารถเกิดขึ้นได้กับ
ทุกคน แต่ในกรณีนี้มันต่างกันเพราะเซลล์ได้มีการถูกทำลายโดยเคมี
เมื่อเซลล์หลายส่วนในร่างกายตายลงก็ไม่มีเม็ดเลือดขาวไปกินมะเร็ง
มะเร็งใหม่ที่เกิดจากการเผาของเคมีที่ผิดรูปกว่าเดิมเม็ดเลือดขาวก็มีมี
ปัญญาไปกินก็เลยทำให้มะเร็งแบบเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้วก็ยังคงอยู่ที่เพิ่ม
มะเร็งใหม่ ขึ้นมาอีก ทำให้รักษายากที่สุด หรือไม่สามารถรักษาได้อีกเลย