วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

โรคมะเร็ง

คำถาม
อยากให้คุณหมอช่วยให้ความกระจ่างแสดงความคิดเห็น วิเคราะห์โรคมะเร็งให้ดิฉันเข้าใจหน่อยได้ไหมคะ ดิฉันเป็นโรคมะเร็ง แต่ญาติดิฉันอยากให้ไปคีโม ดิฉันรู้ว่ามันทรมานมาก อย่างน้อยตอนนี้ดิฉันดูแลด้วยยา ๙ เม็ดของคุณหมออยู่ แม้จะทำได้ไม่ครบ แต่ดิฉันก็มีความสุขสบายใจดี มีกำลังมากขึ้น อย่างน้อยหากมันไม่หายดิฉันก็ขอตายเย็นแบบไม่ต้องทรมานก่อนตาย ไม่ขอไปตายร้อนใส่สายระโยงระยาง ขอความกรุณาคุณหมอด้วยนะคะ ดิฉันจะเอาไปให้ญาติอ่านทำความเข้าใจค่ะ

คุณหมอเขียวตอบ
คนตายด้วยโรคมะเร็งเป็นอันดับ ๑ ของโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย แม้กระทั่งแพทย์เองหากเป็นโรคมะเร็งส่วนใหญ่ก็ตายเหมือนกัน แต่ก็เป็นที่น่าประหลาดใจว่า ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่ทั่วไป ไม่ได้ฉุกคิดว่า แพทย์เองนั้นเมื่อเป็นมะเร็ง ส่วนใหญ่ก็ยังเอาตัวเองไม่รอด แก้ปัญหาตัวเองยังไม่ได้ ตายด้วยมะเร็งเช่นเดียวกับประชาชน แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไปรักษากับคนที่เมื่อเขาเป็นมะเร็งแล้ว เขาก็ยังรักษาตัวเองไม่หาย สาเหตุที่แพทย์แผนปัจจุบันหรือผู้ป่วยมะเร็งไม่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายได้ เพราะว่ายังไม่รู้จักโรคนี้อย่างถ่องแท้ จึงทำให้ไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากมีความใจกว้างที่จะศึกษาเรียนรู้ข้อมูลข้อคิดเห็นจากศาสตร์อื่น เพิ่มเติมก็จะเข้าใจมะเร็งได้ชัดขึ้น
มะเร็งเกิดได้อย่างไร ตามหลักการแพทย์ทางเลือกวิถีพุทธ(บุญนิยม) หรือแพทย์วิถีธรรม เชื่อว่า มะเร็งเกิดจากความไม่สมดุล และยุคนี้ส่วนใหญ่ เป็นความไม่สมดุลแบบร้อนเกินด้วย ต้นเหตุ ๙ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดทุกโรค รวมถึงมะเร็งด้วย ได้แก่
๑. มีความเครียด
๒.กินอาหารไม่ถูกหลัก
๓.กายบริหารไม่ถูกต้อง
๔.รับแต่มลพิษ
๕.แก้พิษไม่เป็น สัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอิเลคทรอนิคส์ เกินความสมดุล
สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดสาภาวะร้อนเกินในร่างกายเมื่อมีความร้อนเกิดขึ้น ก็มีกลไกลอยู่ตัวหนึ่ง คือเมื่อมีความร้อนอยู่มาก ๆ ก็จะมีการเผาเนื้อเยื้อให้แข็ง แข็งคล้าย ๆ กับเนื้อที่เราเอาไปต้ม หรือเอาไปย่าง เนื้อต่าง ๆ เมื่อโดยความร้อนจะมีความแข็งขึ้น จากเนื้อนิ่ม ๆ เมื่อโดนความร้อนก็จะแข็งขึ้น โดยสัจจะเมื่อมันแข็งขึ้น เมื่อมันเผาถึงรอบหนึ่งเลือดลมก็จะไม่สามารถเข้าไปเลี้ยงเซลล์ไม่ได้ อาหารเข้าไม่ได้ ของเสียออกไม่ได้เซลล์ตัวนั้นก็จะแข็งแล้วก็ตาย
พอเซลล์จะเริ่มเสื่อมแล้วก็ตายก็จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ เพราะเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ เมื่อไหลเวียนไม่ได้ร่างกายก็จะมีกลไกผลิตเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทนพอผลิต เซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ แต่ความร้อนก็ยังอยู่เหมือนเก่า ในเมื่อความร้อนยังอยู่เหมือนเดิมเซลล์ที่ผลิตขึ้นมาใหม่ๆ ยังไม่ทันแข็งแรงดีก็จะถูกเผาให้แข็งอีก และถูกแปะไว้อีก ด้วยความร้อนที่มีอยู่พอถูกเผาก็แข็งแปะไว้อีกร่างกายก็จะผลิตเนื้อเยื้อ ใหม่ขึ้นมาแทนอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก อยู่อย่างนี้ก็ทำให้เนื้อเยื้อตรงจุดเดิมมีการงอกออกมาเรื่อย ๆ โตขึ้น ๆ จึงกลายเป็นเนื้องอก
แต่ถ้ามันงอกไม่หยุดงอกอยู่ตลอดเวลาจนกลายเป็นมะเร็ง หรือใครที่กินอาหารร้อน ๆ แต่ร่างกายทำการขับความร้อนออกไปไม่หมดความร้อนนั้นก็จะไปกองกันนานเข้า ๆ ก็จะกลายเป็นมะเร็ง ของผัดของทอดจะเป็นอาหารที่ทำให้เกิดมะเร็งได้ดีมากทีเดียว คนที่ไม่มีความสมดุลในร่างกายมีแต่การซับพิษเข้าร่างกายตลอดเวลาก็จะทำให้มี ก้อนตามที่ต่าง ๆ ตามร่างกาย แต่ถ้าเราไม่เครียดไม่แร่งผลมากจนเกินไปและแร่งภาคเพียรปฏิบัติ การหายก็จะเร็วขึ้น ก้อนต่าง ๆ เกิดขึ้นมาจากเหตุปัจจัย ๒ ปัจจัย คือ
๑. ธาตุอาหารที่ร่างกายไม่รับแล้วร่างกายก็จะทำการขับสิ่งเหล่านี้ไปกองไว้ที่ใดที่หนึ่งทำให้เกิดการเผาให้แข็ง
๒. เนื้อเยื่อที่มันแข็งตาย การที่มีไขมันเกินในร่างกายมากจนร่างกายขับไขมันเหล่านั้นไปกองอยู่ในร่าง กายที่ใดที่หนึ่งก็จะกลายเป็นก้อนมะเร็งได้
พ่อท่านเล่าให้ฟังว่าจริงแล้ว ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วย อุตุ พีชะ จิตตะ กรรมมะ ชีวิตมนุษย์นี้ประกอบด้วย 5 ส่วน แต่ส่วนที่เป็นร่างกายนี้มันคือพีชะ โดยธรรมชาติของพืชก็จะรับเอาสารที่มันต้องการเท่านั้นส่วนสารที่มันไม่ต้อง การก็จะไม่เอา หากเราใส่สิ่งที่มันต้องการเข้าไปมันก็จะรับแล้วดูดเข้าไป แต่สารบางอย่างที่ มันไม่ต้องการก็จะไม่ดูดไม่รับเข้าไป ซึ่งสิ่งที่มันไม่ต้องการก็จะค้างเอาไว้และขับออก ๆ ไปกองเอาไว้ที่ใดที่หนึ่ง เมื่อมีมากขึ้นก็ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวกและไปเบียดเนื้อเยื่อ ก็เลยทำให้เนื้อเยื้อนั้นตาย ทำให้ร่างกายผลิตเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทน
เซลล์มะเร็งเกินขึ้นจาก ๒ สาเหตุหลัก ๆ คือ
๑.การที่เรามีธาตุอาหารที่ร่างกายไม่รับมีมากจนเกินไปแล้วกองรวมกันไม่สามารถถ่ายเทออกได้
๒.และ เนื้อเยื้อที่มันแข็งตาย ที่ถูกเผาตายอยู่เรื่อย ๆ กองรวมกัน นาน ๆ เข้าก็จะทำให้กลายเป็นมะเร็ง
ส่วนมะเร็งอีกแบบหนึ่งคือร่างกายร้อนมากแล้วต่างกายไม่สามารถผลิตเนื้อเยื้อ ขึ้นมาแทนได้ความร้อนนั้นได้เผาเนื้อเยื้อนั้นให้เปื่อยจนเน่าไปเรื่อย ๆ จนเหม็น
มะเร็งอีกแบบหนึ่งคือ ความร้อนได้เผาเนื้อเยื่อนั้นให้ผิดรูปไปก็จะเป็นมะเร็งอีกแบบหนึ่ง
แต่การแก้ก็เหมือนกันทั้งสิ้นนั้นก็คือการที่ต้องถอนพิษร้อนนั้นออก ด้วยยา ๙ เม็ดตามแบบแพทย์วิถีพุทธ หากเราถอนพิษร้อนด้วยยา ๙ เม็ด อะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือว่าเช่นเรากินน้ำคลอโรฟิลด์ หรือการกินอาหารที่มีฤทธิ์เย็น อะไรต่าง ๆ แต่หลักการใหญ่ที่เรารู้ก็คือร่างกายมีความร้อนมากเกินไป เราก็ใส่ความเย็นเข้าไปเพื่อที่จะไปลดความร้อนลงสิ่งที่จะเกิดขึ้น คือร่างกายเย็นลง เช่น หากเรากินน้ำคลอโรฟิลด์เข้าไปความเย็นก็จะเคลื่อนเข้าไปที่เซลล์ความร้อนก็ จะเคลื่อนออกมาตามหลักการเคลื่อนของพลังงาน
ทำให้เซลล์เย็นลงมันจะเกิดผลอยู่ ๓ เรื่อง คือ
๑. เซลล์เย็นลง
๒ .เซลล์จะอ่อนตัวจากเซลล์ที่แข็งมันจะอ่อนตัวลงเป็นไปตามสัจจะของมัน เช่นหากเราทำงานมาก ๆ กล้ามเนื้อก็จะร้อนแข็งแกร่งค้างร้อน หรือหากเรามีความเครียดมาก ๆ จะเห็นได้ว่าบริเวณบ่า และคอ มีความแข็งก็เพราะความร้อนเผานั้นเอง แต่พอเราผ่อนคลายไม่เครียดความตึงแข็งต่าง ๆ ก็จะลดลง คลายตัวลง
๓. เม็ดเลือดขาวจะแข็งแรงขี้นเพราะว่าเม็ดเลือดขาวนั้นไม่ถูกความร้อนเผาก็จะ แข็งแรงขึ้น เมือใดที่เม็ดเลือดขาวแข็งแรงมันก็จะไปโอบสลายเซลล์มะเร็งซึ่งเป็นหน้าที่ หลักของเม็ดเลือกขาวในการสลายเชื้อโรค สลายเซลล์มะเร็ง อยู่แล้วที่จะทำลายสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย โดยขบวนการฟาโกไซโทซีส เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่าแมคโครฟาด
โดยการเข้าไปโอบเซลล์มะเร็งแล้วหลั่งสารทำลายเซลล์มะเร็งออกมาแล้วส่งเซลล์ เหล่านั้นโดยแปรสภาพเป็น ขอเสียต่าง ๆ เช่นเป็นน้ำเมือก เป็นน้ำเหลือง เป็นขี้ไคล เป็นอุจจาระ เป็นปัสสาวะ ขี้หู ขี้ตา ขี้จมูก ขี้ปาก ทุก ๆ อย่าง ในร่างกาย ทางระบายพิษปกติของร่างกาย จะระบายสารพัดทิศทางที่สามารถระบายได้ พอพิษสามารถระบายออกได้เซลล์มะเร็งก็จะเล็กลง ๆ สุดทายมะเร็งก็หายไปในที่สุด
เราจึงพบคนไข้มากมายที่มารักษาในแบบนี้พบว่าเนื้อที่เป็นก้อนแข็ง ๆ จะอ่อนตัวลง ยุบตัวลงเล็กลงจากก้อนแข็ง ๆ มันอ่อนตัวลง มันยุบลงเราเจอคนไข้จำนวนมากที่ปฏิบัติตัวแล้วเกิดผลทีดีขึ้น ภายในระยะเวลา 5 วันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงให้เห็นได้จึงทำให้เราพบว่ามะเร็งสามารถทำให้หายได้ หากคุณทำได้ถูกต้อง บางท่านอาจสงสัยว่าก่อนที่จะมารักษาเหตุใดเม็ดเลือดขาวถึงไม่ไปกินเซลล์ มะเร็ง
ก็จะมีเหตุผลอยู่ ๓ เรื่อง
๑ ร่างกายร้อน
๒ เนื้อเยื้อมีความแข็งมากเกินไป
๓ ตัวเม็ดเลือดขาวเองก็ไม่แข็งแรงพอที่จะทำการโอบสลายเซลล์มะเร็งเพราะโดนความ ร้อนเผาอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ไม่มีกำลังพอที่สลายอะไรได้ ส่วนจะเร็วจะช้าก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้น ๆ หากปฏิบัติได้ดีมากก็จะหายเร็วมาก มากปฏิบัติได้เท่าไหร่ก็จะหายเร็วเท่านั้น โดยปกติหมอแผนปัจจุบันไม่รู้วิธีที่จะทำให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง โดยที่หมอแผนปัจจุบันก็ทราบว่าเม็ดเลือดขาวเป็นตัวกินเซลล์มะเร็ง แต่แพทย์แผนพุทธรู้วิธีนี้ จึงทำให้สามารถรักษาโรคมะเร็งได้
การแก้ไขโรคมะเร็งตามแนวทางของแพทย์แผนปัจจุบันคือการผ่าตัด การทำเคมีบำบัด
- การผ่าตัดคือการผ่าตัดเอาเนื้อส่วนที่เป็นมะเร็งออกไป แต่ก้อนมะเร็งไม่ได้เป็นตนเหตุของมะเร็ง แต่ต้นเหตุของมะเร็งนั้นคือพฤติกรรมการก่อมะเร็ง เพราะฉะนั้นหากมีการตัดเนื้อส่วนที่เป็นมะเร็งออกมะเร็งก็จะกลับมาโดยค่า เฉลี่ยภายในระยะเวลา 5 ปี หลังจากที่คุณตัดเนื้อส่วนนั้นไป นี้คือค่าเฉลี่ยนของหมอแผนปัจจุบันที่มีการเก็บข้อมูลกันมา แต่ปัจจุบันนี้มะเร็งจะกลับมาเร็วกว่า ๕ ปี ด้วยซ้ำไป เมื่อตัดออกไปแล้วหมอมักจะให้คนไข้กินอาหารบำรุงร่างกายมาก ๆ ซึ่งนี้ก็ยิ่งทำให้มะเร็งกลับมาเร็วขึ้นไปอีก
- การฉายแสง เขาจะตีกรอบและฉายแสงลงไป โดยใช้แสงกัมมันตภาพรังสี กัมมันตภาพรังสีส่วยใหญ่จะใช้ในการทำระเบิดประรำมะณู แต่มีการนำแสงชนิดนี้มาฆ่าเซลล์มะเร็งเมื่อมีการฉายแสงลงไปเซลล์มะเร็วก็จะ ตายอย่างแน่นอนแต่พลังงานความร้อนมันไม่ได้อยู่กับที่โดยหลักปฏิบัติพลังงาน ความร้อนจะกระจายไปทั่วโดยคนไข้จะมีอาการออกร้อนไปทั้งตัว ปากเปื่อย ปากพอง ปวดท้องคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ผมร่วง ดำไปทั้งตัว ไหม้ไปทั้งตัว นั้นแปลว่าความร้อนได้ขยายไปทั่งทั้งร่ายกาย แต่แพทย์พยามบอกกับคนไข้ความมีการตีกรอบในการฉายแสงเอาไว้แล้ว
ซึ่งนั้นไม่เป็นความจริงเลยโดยแพทย์และพยาบาลเองเมื่อเตรียมตัวจะฉายแสงก็จะ หาที่หลบเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนแสงนั้น ๆ หากแสงนั้นไม่กระจายจริงอย่างที่แพทย์บอกทำไมทั้งแพทย์และพยาบาลไม่ยืนอยู่ เป็นเพื่อนคนไข้ด้วยกัน เพราะแพทย์เองก็ทราบว่าแสงนั้นไม่อยู่กับที่มันจะกระจายไปทั่วบริเวณ และกระจายไปทั่วตัวคนไข้ด้วยเช่นกัน ในศูนย์มะเร็งจะเต็มไปด้วยแสงที่เป็นอันตราย แม้กระทั้งเจ้าหน้าที่ศูนย์มะเร็งเองก็ป่วยเยอะมากป่วยด้วยโรคที่มีมีสภาวะ ร้อนเกินเช่น ป่วยเป็นโรคบัวหวาน ความดัน มะเร็ง หรือไทรอยเป็นพิษ เป็นต้น
- การทำเคมีบำบัด คือการฉีดสารพิษเข้าไป ซึ่งสารพิษนั้นมีฤทธิ์ร้อน ซึ่งมีฤทธิ์ร้อนมากขนาดทำให้เส้นเลือดไหม้จนดำ ออกร้อนตามเนื้อตัว บางคนออกอาการปากเปื่อย ปากผอม ผมร่วง คลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว ดำไหม้ไปทั้งตัว สารพัดที่จะทรมาน ทุรนทุราย เกือบ ๑00 เปอร์เซ็นต์ เป็นเช่นนั้น มันร้อนมากเพราะเขาหมายต้องการฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตาย ใช้ความร้อนมากขนาดนี้ โดยมีการออกกฎ ระเบียบมาว่า ห้ามให้คนผสมยานั้น เป็นผู้ฉีดยา ต้องแบ่งกันทำงาน โดยมีคนหนึ่งผสมยา และมีอีกคนหนึ่งเป็นผู้ฉีดยา เพื่อว่าจะได้มีการกระจายพิษกันออกไป คนละเล็กคนละน้อย แต่คนที่ได้รับพิษมากที่สุดก็คือคนที่โดนฉีดยา
โดยแพทย์หมายที่จะนำความร้อนนั้นไปฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตาย แต่คุณคิดหรือไม่ว่า พลังงานหรือยาที่เข้าไปจะเข้าไปฆ่าแต่เฉพาะเซลล์มะเร็งอย่างเดียว ความจริงก็คือ มันเข้าไปทำลายทุกเซลล์ด้วย โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาว เซลล์เม็ดเลือกขาวจะลดลงมากมาย ตายเกือบหมด และจะเกิดอะไรขึ้นสำหรับคนที่ฉายแสงและทำเคมีบำบัด แสงและเคมีบำบัดมันร้อนมากร้อนขนาดอย่างที่ว่าสามารถทำให้คนตายได้
บางครั้งการฉีดยาครั้งเดียวก็สามารถทำให้คนตายได้ในบางคน หรือร้อนขนาดที่นำมาทำระเบิดฆ่าคนให้ตายได้หลายล้านคนในเวลาเดียวแต่สิ่งที่ จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ จะเกิดมะเร็งใหม่ที่ร้ายกว่าเกิดในอีกไม่นาน หลังจากที่คุณฉายแสงและเคมีบำบัดเพราะว่าพิษร้อนที่ใส่เข้าไปใหม่นั้น ที่หมายจะฆ่าเซลล์มะเร็งนั้นให้ตายเป็นพิษร้อนที่ดุร้ายยิ่งกว่าพิษที่ก่อ ให้เกิดมะเร็งเสียอีก ร้ายกว่าเดิมหลายหมื่นเท่าก็ว่าได้
เพราะว่าการกินอาหารเป็นพิษนั้นไม่ได้ทำให้ตายในทันที แต่การโดยเคมีนั้นสามารถทำให้ตายได้ในทันที เพราะฉะนั้นมะเร็งที่จะเกิดขึ้นใหม่ก็จะร้ายกว่าเกิดเพราะพิษที่ใส่เข้าไป นั้นร้ายกว่าเกิดหลายเท่าตัว และอีกอย่างหนึ่งพิษเก่าที่มีอยู่ก็ไม่ได้มีการแก้ไข หนำซ้ำยังมีการเพิ่มพิษใหม่เข้าไปอีก และพฤติกรรมก็มีการทำอยู่เหมือนเก่า ทำให้มีการเกิดพิษขึ้นเป็น ๒เท่า
ถามว่าทำไมถึงเกิดมะเร็งใหม่ ก็เพราะว่า
๑ ต้นเหตุที่ทำให้เกิดมันร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม
๒ เม็ดเลือดขาวมันถูกฆ่าจากการทำเคมีบำบัดและฉายแสง ซึ่งเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่กินชื้อโรคในร่างกาย กินเซลล์มะเร็ง คุณต้องการรักษามะเร็งแต่ตัวคุณกลับไม่ฆ่าสิ่งที่รักษาตัวที่สามารถฆ่าเซลล์ มะเร็ง แล้ว จะถือเป็นการรักษาได้อย่างไร แม้กระทั่งตามหลักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถอธิบายได้การผ่าตัดยังพอรับได้ เพราะไม่มีการใส่พิษเพิ่มเข้าไปในร่างกาย
๓ ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในต่างกายตายไปด้วย เพราะการฉีดยาเข้าไปได้มีการทำลายเซลล์ในร่างการเพิ่มขึ้นเมื่อเซลล์หลาย ส่วนในร่างกายตายลงไป ธรรมชาติของเซลล์ร่างกายมนุษย์เวลามันตายไปก็จะมีเม็ดเลือดขาวคอยทำลายเซลล์ ที่ตาย
เพราะฉะนั้นร่างกายมนุษย์ทุกคนนั้นมีเซลล์มะเร็งอยู่แล้ว เซลล์ของคนเรานั้นผิดปรกติอยู่ตลอดเวลา หากคนเรามีเม็ดเลือดขาวที่ไม่แข็งแรงแล้วไซ้มะเร็งก็สามารถเกิดขึ้นได้กับ ทุกคน แต่ในกรณีนี้มันต่างกันเพราะเซลล์ได้มีการถูกทำลายโดยเคมี
เมื่อเซลล์หลายส่วนในร่างกายตายลงก็ไม่มีเม็ดเลือดขาวไปกินมะเร็ง มะเร็งใหม่ที่เกิดจากการเผาของเคมีที่ผิดรูปกว่าเดิมเม็ดเลือดขาวก็มีมี ปัญญาไปกินก็เลยทำให้มะเร็งแบบเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้วก็ยังคงอยู่ที่เพิ่ม มะเร็งใหม่ ขึ้นมาอีก ทำให้รักษายากที่สุด หรือไม่สามารถรักษาได้อีกเลย