วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

เป็นมะเร็งมดลูกระยะ ๑ ทำอย่างไรคะ ถึงจะหายและไม่ตาย

คำถาม
เป็นมะเร็งมดลูกระยะ ๑ ทำอย่างไรคะ ถึงจะหายและไม่ตาย

ตอบคำถาม
โอ๊ย จะไม่ตาย ไม่ได้หรอก คนไม่เป็นมะเร็งก็ยังตายเลย ถามคำถามนี้
ไม่มีวิธีจะไม่ตายนะ ขอยืนยันนะ
เกิดมาทุกคนต้องตายหมด เกิดมาเป็นโรคและไม่เป็นโรคก็ตายหมด ถึงเวลาตาย ตายทุกคน

เพราะงั้นทำยังไงถึงจะไม่ตาย โอ้..มีวิธีอยู่เหมือนกันนะ คือปรินิพพาน ถ้าเราปรินิพพาน เราก็จะไม่เกิดและไม่ตาย
คือ ปฏิบัติตนเองให้เป็นอรหันต์ ลดกิเลสให้หมดเลยนะ เสร็จแล้วปรินิพพาน พอปรินิพพานปุ๊บ ก็จะไม่เกิดและไม่ตาย

มีวิธีเดียว ก็จะไม่ตายคือไม่ต้องเกิด ถ้าจะไม่ตายก็ไม่ต้องเกิด ถ้าเกิดก็ต้องตาย

แต่ทำไมถึงจะหาย ? อันนี้มีโอกาส ทำ 9 ข้อนี้แหละ แล้วก็พอกสมุนไพร กัวซาบริเวณท้องกับตรงข้ามท้อง แล้วก็พอกสมุนไพรไป บางทีอาจสวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำปัสสาวะช่วยอีกแรง ก็ช่วยได้นะ หลายคนเขาก็หายได้

ถ้าจะต้องผ่า ถ้าหมอนัดผ่าก็ดูว่ามันเบียดเบียนมาก ก้อนเบียดจนรู้สึกทุกข์ทรมานมาก แล้วมันก็ไม่ลดความทุกข์ ทรมานลงเลยนะ มันไม่ทุเลา มันทนได้ยากได้ลำบาก จำเป็นต้องผ่าก็ผ่านะ ไม่เป็นไร ถ้าจำเป็นผ่าก็ผ่า

แต่ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องผ่านะ ไม่ได้ทุกข์ทรมานเกินไปนะ ไม่ได้ขยายมากจนเราทรมานมาก เราก็ปฏิบัติไปก่อนก็ได้ หลายท่านก็ยุบหายไป โดยไม่ต้องผ่านะ หรือมันไม่ขยายมากขึ้น ก็ไม่ต้องผ่าก็ได้

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้ามันจำเป็น พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และพึงสละชีวิต เพื่อรักษาธรรม

ถ้ามันนต้องสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตล่ะก็ ถ้าอวัยวะนั่นมันเป็นพิษแล้วมันขยายๆไปเบียดจนทำร้าย เราจนทรมานมาก ก็ผ่าได้ ไม่เป็นไร แต่การฉายแสง และเคมีบำบัด เท่าที่ตรวจสอบตามหลักการของพระพุทธเจ้านี้ ไม่เป็นประโยชน์ เป็นโทษมากกว่าเป็นประโยชน์ เท่าที่ตามหลักการของพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้

คือถ้าเป็นผม ถ้าเป็นก้อนหรือว่าเป็นมะเร็ง ถ้าจำเป็นนะ ไม่จำเป็นก็จะไม่ผ่า ถ้าผ่าก็ผ่าเฉพาะก้อน ผมจะไม่ฉายแสง จะไม่เคมี ถ้าเป็นผม แต่คนอื่นก็แล้วแต่ท่าน เป็นอิสระส่วนบุคคล เป็นความเห็นส่วนบุคคล

ผมเอาหลักพระพุทธเจ้ามามาเช็ค พระพุทธเจ้าตรัสว่า ใครก็ตามที่ทำไปแล้วมันทรมาน มันจะทำให้มีโรคมากและอายุสั้น ฉายแสงและเคมี คนส่วนใหญ่ทำแล้วคนทรมาน ก็จะมีโรคมากและอายุสั้น ก็จะมีคนหายบ้างเป็นบางคน คือถ้าคนหายเป็นบางคนเนี่ยะ ถ้าเขารักษาได้จริง มันก็ต้องหายเพราะฉายแสงหรือเคมี เพราะถ้าหายโดยฉายแสงและเคมี คนก็ต้องหายเป็นส่วนใหญ่ แสดงว่าหายเป็นบางคน มันไม่ได้หายเพราะฉายแสงหรือเคมี เพราะถ้าหายโดยฉายแสงและเคมี ก็ต้องหายเป็นส่วนใหญ่

ที่มันหายเป็นบางคนเนี่ย แสดงว่าไม่ได้เกิดจากกการฉายแสงและเคมี แต่จะเกิดจากเหตุอื่น แม้จะฉายแสงและเคมีก็ตามแต่เหตุอื่น เขาอาจจะปรับอาหาร กินสมุนไพรหรือวิบากกรรม เขาหมดอย่างนี้ เป็นต้นก็หายได้

พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า โรคบางโรครักษาก็หาย ไม่รักษาก็หาย บางทีเขาไม่รักษาเลย เขาอาจจะหายเลยก็ได้ มะเร็ง บางคนนะ เขาไม่ทำอะไรเลยก็หาย ไม่ทำอะไรเลยนะ ในบางคนที่เป็นมะเร็ง แผนปัจจุบันก็ไม่ใช่ แผนทางเลือกก็ไม่ใช่ สมุนไพร อะไรก็ไม่ใช่ ก็หายเฉยเลยก็มี ก็แปลว่าโรคเขาจะหายอยู่แล้ว วิบากกรรมเขาหมดน่ะ มันก็หาย

โรคบางโรครักษาก็หาย ไม่รักษาก็หาย พระพุทธเจ้า ตรัสอย่างนี้
บางโรครักษาจึงหาย ไม่รักษาไม่หาย
แล้วพระพุทธเจ้าก็บอก บางโรครักษาก็ไม่ไม่หาย ไม่รักษาก็ไม่หาย
คือที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะมันเป็นหนัก มันเป็นมาก วิบากกรรมแรง มันเป็นอย่างนั้น

ดังนั้นเราคิดว่า อะไรที่มันทรมาน พระพุทธเจ้าก็บอกไม่ต้องทำ อะไรที่มันทรมาน พระพุทธเจ้าก็บอกไม่ต้องทำ อะไรที่ทรมานก็ไม่ต้องทำ ทำไม่มีประโยชนนะครับ ทำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่โทษ ทำไปก็ทรมานอย่างนั้น ตามทฤษฎีของพระพุทธเจ้านะ ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณาตามสมควร

อย่างที่ว่าน่ะแหละ อะไรที่มันมีผลจริงต่อคน ถ้ามันมีผลจริงต่อคนส่วนใหญ่ คนส่วนใหญ่ต้องดีขึ้น ถ้ามันแค่บางคนที่ดีขึ้น มีแค่บางคนที่ดีขึ้น บางคราว แปลว่ามันไม่ได้เกิดจากสิ่งนั้น หลักสถิติก็บอกอยู่แล้ว ไม่ใช่สิ่งนั้นนะ ที่ถามคนส่วนใหญ่เขาดีขึ้น ดีขึ้นเพราะเหตุนั้นใช่ไหม แล้วถ้ามันมีบางคนที่ดีขึ้น ที่ทำสิ่งนั้น คนส่วนใหญ่แย่ลง แต่ก็มีแค่บางคนดีขึ้น มันก็ไม่ใช่จากเหตุนั้น มันมาจากเหตุอื่น นี่เป็นหลักวิทยาศาสตร์ง่ายๆ หลักสถิติด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น